การออกแบบ
Vivo V5 Plus ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาได้ใกล้เคียงกับ iPhone 7 มากที่สุด ทั้งในแง่ของดีไซน์โดยรวม และยูสเซอร์อินเตอร์เฟสที่มีให้เลือกใช้งาน ดังนั้น การที่มาจับกลุ่มผู้ใช้ที่อยากได้เครื่องดีไซน์พรีเมียมในระดับราคาหมื่นบาท ถือเป็นจุดที่น่าสนใจ
โดยรวมแล้วดีไซน์ของ V5 Plus ก็เหมือนเป็นการนำ V5 มาเพิ่มขนาดให้ใหญ่ขึ้น ใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียม ทำให้ตัวเครื่องโดยรวมของ Vivo V5 Plus จะอยู่ที่ 152.58 x 74.00 x 7.26 มิลลิเมตร น้ำหนัก 158.6 กรัม มีให้เลือกเฉพาะสีขาว-ทอง
ด้านหน้า – จะมีขอ IPS Lcd ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920 x 1080 พิกเซล) ความละเอียดเม็ดสี 401 ppi โดยเป็นจอกอลิล่ากลาส 5 ที่ลบเหลี่ยมมุมเป็นแบบ 2.5D ส่วนบนหน้าจอมีช่องลำโพงสนทนาตรงกึ่งกลาง
โดยมีกล้องความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และ 8 ล้านพิกเซล f/2.0 อยู่ทางฝั่งซ้าย และทางฝั่งขวาเป็นไฟแฟลชกล้องหน้า และเซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้า พร้อมกับไฟแสดงสถานะทางฝั่งขวา ส่วนล่างหน้าจอมีปุ่มโฮม (ใช้สแกนลายนิ้วมือ) ปุ่มย้อนกลับ และปุ่มเรียกดูแอปที่ใช้งานล่าสุด
ด้านหลัง – ตัวผิวเครื่องจะทำออกมาเกือบๆด้าน ทำให้มีรอยนิ้วมือติดค่อนข้างยาก โดยมีกล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลขอยู่ที่มุมบน โดยตัวกล้องจะนูนออกมาจากเครื่องเล็กน้อย และมีสัญลักษณ์ของ Vivo สีเงิน อยู่ตรงกึ่งกลาง และสัญลักษณ์มาตรฐานต่างๆอยู่ส่วนล่าง
ด้านซ้าย – จะมีช่องถาดใส่ซิมการ์ด แบบนาโนซิมการ์ด 2 ซิม ด้านขวา – เป็นปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียง โดยถ้าสังเกตการออกแบบจะมีลายเส้นของสายสัญญาณโทรศัพท์พาดมาด้วย
ด้านบน – ถูกปล่อยว่างไว้เช่นเดียวกัน ด้านล่าง – มีทั้งพอร์ตไมโครยูเอสบี ช่องเสียบหูฟัง ไมโครโฟน ลำโพง และรูน็อตสำหรับแกะตัวเครื่อง
สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องนอกจากตัวเครื่อง จะประกอบไปด้วย สายยูเอสบี อะเดปเตอร์ หูฟัง คู่มือการใช้งาน เคสใส และฟิลม์กันรอยอีก 1 แผ่น (ที่ตัวเครื่องแปะมาแล้ว 1 แผ่น) นอกจากนี้ ก็จะมีชุดหูฟังบลูทูธอินเอียร์แบบเกี่ยวหู (มีจุกให้เลือกเปลี่ยน) และที่เสียบชาร์จในรถยนต์แบบชาร์จเร็ว
สเปก
สำหรับสเปกภายในของ Vivo V5 Plus จะใช้หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 625 ที่เป็น Octa Core 2 GHz 64 bit RAM 4 GB พื้นที่เก็บข้อมูลในตัวเครื่อง 64 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Funtouch 3.0 ที่เป็นแอนดรอยด์ 6.0
ด้านการเชื่อมต่อรองรับทั้ง 4G LTE / 3G 2 ซิมสแตนบาย Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 ac บลูทูธ 4.0 มี วิทยุ FM, GPS ภายในตัว แต่ไม่มี NFC มาให้ แบตเตอรีภายใน 3,160 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว
ฟีเจอร์เด่น
ในส่วนของการใช้งาน Vivo V5 Plus ต้องยอมรับว่า Vivo ทำการบ้านมาค่อนข้างดี ด้วยการออกแบบอินเตอร์เฟสใหม่มาครอบในชื่อ Funtouch OS ให้มีความแตกต่างจากแอนดรอยด์ทั่วไป ด้วยการนำหน้ารวมแอปออกไป รวมทุกอย่างมาไว้บนหน้าจอหลักทั้งหมด
ขณะเดียวกัน ก็มีการปรับไอค่อนแอปให้คล้ายกับบน iOS เมื่อดีไซน์คล้ายกัน การสื่อสารไปยังผู้บริโภคก็ง่ายขึ้น แต่แน่นอนว่าถ้าใครไม่ชอปดีไซน์ลักษณะที่ก็สามารถเข้าไปเลือกเปลี่ยน Themes ได้ตามความต้องการอยู่แล้ว
เบื้องต้นแอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาให้ก็จะเป็นแอปทั่วไปๆ ทั้งบริการต่างๆของกูเกิล เซอร์วิส โทรศัพท์ ข้อความ เบราว์เซอร์ กล้อง เครื่องเล่นเพลง อัลบั้มภาพ วิดีโอ ครบถ้วน ที่เพิ่มมาก็จะมีอย่าง i Manager ไว้จัดการตัวเครื่อง WPS Office ไว้เปิดเอกสารดู และ UC Browser เป็นอีกช่องทางในการท่องเว็บ
ในแง่ของการตั้งค่าลัดต่างๆของ Vivo V5 Plus จะใช้วิธีการลากจากล่างหน้าจอขึ้นมา แน่นอนว่าเหมือนการใช้งานบนไอโฟนไม่ผิดเพี้ยน แต่จะมีรูปแบบการตั้งค่าที่หลากหลายกว่าไม่ว่าจะเป็นปรับสีจอ ปรับระดับเสียง เปิดโหมดเครื่องบิน ปรับการแสดงผล(ตัดแสงสีฟ้า) เปิด–ปิดการเชื่อมต่อไวไฟ ดาต้า บลูทูธ พร้อมทางลัดเรียกใช้ไฟฉาย กล้อง จับภาพหน้าจอ
ส่วนของการแจ้งเตือนดูได้จากการลากนิ้วจากขอบบนตามปกติ ซึ่งนอกจากแสดงผลแจ้งเตือน ก็จะมีแสดงเวลา วันที่ เครือข่ายที่ใช้งานอยู่ด้วย ส่วนหน้าจอล็อกสกรีน ผู้ใช้สามารถเลือกรูปแบบได้ทั้งกรอกรหัส วาดรูปแบบ และสแกนลายนิ้วมือ โดยหน้าจอล็อกจะมีปุ่มลัดสำหรับการโทร และเรียกใช้งานกล้องให้
ในส่วนของการตั้งค่า มีการเพิ่มสีสันให้ดูใช้งานง่ายขึ้น แบ่งออกเป็นส่วนๆคือการเชื่อมต่อ การแสดงผลและการแจ้งเตือน การตั้งค่าตัวเครื่อง การจัดการบัญชีผู้ใช้ และแอปการใช้งานพื้นฐานต่างๆ รวมถึงการตั้งค่าโหมดพิเศษต่างๆ
การใช้งานอัจฉริยะ จะเป็นการทำให้จอเปิดโดยไม่ต้องสัมผัส ด้วยการใช้มือปาดบริเวณเซ็นเซอร์ส่วนบนหน้าจอ การเปิดหน้าจออัจฉริยะอย่างการสัมผัสหน้าจอ 2 ครั้ง หรือเมื่อนำออกจากระเป๋า รูปแบบการโทรอัจฉริยะเมื่อนำเครื่องไปแนบใบหน้า เขย่าเครื่องเพื่อเปิดใช้งานไฟฉาย การซูมภาพโดยการเอียงโทรศัพท์ต่างๆ
รวมถึงการใช้งานแบบ Multi-Screen กับแอปพื้นฐานอย่างข้อความ เฟซบุ๊ก ไลน์ วอทซ์แอป ที่สามารถใช้งานพร้อมๆกันได้แบบแบ่งเครื่องหน้าจอ และสุดท้ายโหมดการใช้งานด้วยมือข้างเดียว ทั้งปุ่มกด และการใส่รหัสผ่านในการปลดล็อกเครื่อง และแป้นพิมพ์ที่ย่อขนาดลงมา
ที่กล่าวถึง i Manager จะเป็นเหมือนแอปที่ไว้เช็กการทำงานของโทรศัพท์ ที่จะตรวจสอบว่าตัวเครื่องมีการเปิดแอปอะไรค้างไว้หรือไม่ รวมถึงการอัปเดตเฟิร์มแวร์ให้ใหม่ที่สุด และยังใ้ช้ในการจัดการพื้นที่ในตัวเครื่อง เพื่อดูว่าแต่ละแอปใช้งานพื้นที่ใดบนเครื่องบ้าง ถ้ามีข้อมูลแคช หรือที่ไม่ได้ใช้ก็สามารถลบทิ้งเพื่อให้เครื่องโล่งขึ้นได้
การถ่ายภาพของ Vivo V5 Plus อินเตอร์เฟสจะใช้การสลับโหมดด้วยการปาดซ้าย–ขวาบนหน้าจอเพื่อเลือกถ่ายภาพพาโนราม่า ใบหน้าสวย ภาพถ่ายปกติ และการถ่ายวิดีโอ โดยในโหมดภาพถ่ายยังสามารถเลือกได้ว่าจะถ่ายภาพกลางคืน ภาพคมชัดสูง (ใช้การซ้อนภาพ) ถ่ายจอพาวเวอร์พอยต์ โหมดกีฬา การปรับตั้งค่าเอง ภาพเคลื่อนไหว (Gif) ถือว่าให้มาค่อนข้างครบ
การใช้งานโทรศัพท์ ตัวแป้นพิมพ์ตัวเลขจะมาพร้อมกับระบบคาดเดารายชื่ออยู่แล้ว เมื่อกดเลขหมายนำหน้า หรืออักษรก็สามารถเลือกเพื่อใช้งานโทรศัพท์ได้ทันที หน้าจอขณะสนทนาจะแสดงชื่อ เบอร์ เวลาที่ใช้ มีปุ่มลัดเรียกแป้นพิมพ์ บันทึกเสียง พักสาย ปิดเสียง เพิ่มสาย ดูรายชื่อ เปิดลำโพงให้กด ส่วนกรณีที่มีสายเรียกเข้าใช้การลากลงเพื่อรับ ลากขึ้นเพื่อตัดสาย หรือลากจากขอบหน้าจอขึ้นมาเพื่อส่งข้อความกลับ
ภายในเครื่องยังมีการใส่แอปสำหรับจัดการไฟล์มาให้ เพื่อช่วยให้สามารถเข้าถึงไฟล์ต่างๆในตัวเครื่องได้สะดวกขึ้น มีการแบ่งประเภทของไฟล์ชัดเจน นอกจากนี้ Vivo ยังมีการใส่แอปอย่าง Easy Share มาให้เลือกส่งข้อมูลผ่าน WiFi กับเพื่อนที่ใช้งานแอนดรอยด์ด้วยกันได้มาให้ด้วย
การใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ รองรับการโหลดหน้าเว็บหนักๆได้สบายๆ ประกอบกับขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทั้งแนวตั้ง แนวนอน ไม่รวมถึงการนำไปใช้ในด้านความบันเทิงอย่างดูยูทูป หรือวิดีโอ Live จากเฟซบุ๊ก ก็ช่วยให้ผู้ใช้สนุกได้
ทดสอบประสิทธิภาพ
Antutu Benchmark = 62,444 คะแนน
Quadrant Standard = 39,789
Multi-touch Test = 10 จุด
PC Mark
Work 2.0 = 4,828 คะแนน
Computer Vision = 2,337 คะแนน
Storage Score = 4,589 คะแนน
Work = 6,673 คะแนน
3D Mark
Sling Shot Extreme = 462 คะแนน
Sling Shot = 843 คะแนน
Ice Storm Extreme = 8,132 คะแนน
Ice Storm Unlimited = 13,800 คะแนน
Ice Storm = 12,053 คะแนน
PassMark PerformanceTest
System = 7,296 คะแนน
CPU Tests = 156,031 คะแนน
Disk Tests = 43,004 คะแนน
Memory Tests = 5,130 คะแนน
2D Graphics Tests = 3,980 คะแนน
3D Graphics Tests = 2,340 คะแนน
Vellamo
Chrome Browser = 2,749 คะแนน
Android Web View = 2,909 คะแนน
Metal = 1,583 คะแนน
Multicore = 2,590 คะแนน
Geekbench 4
Single-Core = 833 คะแนน
Multi-Core = 2,990 คะแนน
Compute = 2,517 คะแนน
อีกจุดที่น่าสนใจคือแบตเตอรีที่ให้มา 3,160 mAh ทดสอบการใช้งานผ่าน PC Mark จนเหลือ 20% เปิดใช้งานตลอดเวลาจะได้ราว 11 ชั่วโมงซึ่งถ้าเทียบเป็นการใช้งานจริงๅวันถือว่าสบายๆถ้าไม่ได้ใช้งานหนักมากนัก
สรุป
การมารอบนี้ของ Vivo กับซีรีส์ V5 ถือว่าเป็นรุ่นที่ทำการบ้านมาได้ดี ทั้งในแง่ของการโปรโมทที่ดึงซูเปอร์สตาร์อย่าง อั้ม พัชราภา มาช่วย ทำให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้างได้ และยังมีการวางจำหน่ายรุ่นย่อยๆออกมาจับลูกค้าหลายๆกลุ่มอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่า ถ้าสินค้าไม่ดีพอ ก็จะไม่เกิดความประทับใจ แต่เท่าที่ได้สัมผัส เมื่อเทียบความสามารถ วัสดุที่ใช้ กับราคาเปิดตัวที่ 13,900 บาท ถือว่าเป็นรุ่นที่ครบเครื่อง จากจุดเด่นหลักที่กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล มีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย
ความสามารถในการใช้งานโดยรวม การจับเครือข่าย 4G การใช้งาน 2 ซิม ทำได้ตามมาตรฐาน เมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไป แน่นอนว่าถ้าไม่ต้องการเครื่องเกินหมื่น Vivo ก็จะมีรุ่นอย่าง V5 และ V5s เป็นทางเลือกให้อีกด้วย