แอปเปิล เตรียมวางจำหน่าย iPhone 11 iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคมนี้ หลังจากเริ่มเปิดให้สั่งจองผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่าย และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันการวางจำหน่าย iPhone รุ่นใหม่ในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ จะถือเป็นการวางจำหน่าย iPhone รุ่นใหม่ครั้งแรกที่ Apple Store สาขา Iconsiam ซึ่งเปิดให้บริการในช่วงปลายปีที่ผ่านมาด้วย
แกะกล่อง iPhone 11 Pro Max
ในส่วนของ iPhone 11 Pro Max รุ่นที่นำมาแกะกล่องในครั้งนี้ จะเป็นรุ่น 512 GB ที่วางจำหน่ายในราคา 52,900 บาท ซึ่งถือเป็น iPhone รุ่นที่แพงที่สุดของปีนี้ พร้อมกับสีใหม่ เขียวมิดไนท์กรีน (Midnight Green) ซึ่งกลายเป็นสีที่ขายดีที่สุดของปีนี้
ตัวกล่องของ iPhone 11 Pro Max สีใหม่นี้จะมากับตัวกล่องสีดำ โดยมีภาพด้านหลังของตัวเครื่องอยู่หน้ากล่อง พร้อมกับตัวอักษร iPhone และโลโก้ Apple สีเขียวมิดไนท์กรีน อยู่ข้างกล่อง
เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับตัวเครื่อง iPhone 11 Pro Max วางคว่ำหน้าอยู่ เพื่อโชว์ถึงสีหลังเครื่อง และกล้องรุ่นใหม่ที่มากับ 3 เลนส์ คือเลนส์ Ultra Wide Wide และ Telephoto
หยิบตัวเครื่องขึ้นมาจะพบกับคู่มือของตัวเครื่อง สติกเกอร์ เข็มจิ้มถาดซิมการ์ดอยู่ภายใน และเมื่อหยิบกล่องคู่มือที่เป็นกระดาษขึ้นมาถึงจะเจอกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่แถมมาให้ภายในกล่อง
ประกอบไปด้วยอะเดปเตอร์ และสายชาร์จ USB-C to Lighting และหูฟังที่เป็นพอร์ต Lightning โดยทั้ง iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max จะได้รับที่ชาร์จแบบ 18W ซึ่งถือเป็น iPhone รุ่นแรกที่แถมอะเดปเตอร์ชาร์จเร็วมาให้ในกล่อง
ส่วนตัวเครื่องของ iPhone 11 Pro Max จะให้ความรู้สึกของวัสดุที่ดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อเทียบกับ iPhone XS Max โดยรายละเอียดปุ่มต่างๆ รอบตัวเครื่องยังเหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็น ปุ่มปรับระดับเสียงทางซ้าย พร้อมกับปุ่มปิดเสียง
ทางขวาเป็นปุ่มเปิดเครื่อง และเรียกใช้งาน Siri โดยมีส่วนที่เป็นถาดใส่ซิมการ์ดอยู่ข้างๆ ด้านล่างเป็นพอร์ต Lighting และลำโพง ส่วนหลังเครื่องอย่างที่กล่าวไปแต่ต้นว่ามีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของกล้องด้วยการเพิ่มเลนส์มุมกว้างเข้ามา
ขนาดหน้าจอของ iPhone 11 Pro Max จะอยู่ที่ 6.5 นิ้ว ส่วน iPhone 11 Pro จะอยู่ที่ 5.8 นิ้ว ภายในใช้หน่วยประมวลผล Apple A13 Bionic รุ่นใหม่ของแอปเปิล ที่ระบุว่าประหยัดพลังงานมากขึ้น และประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วย
แกะกล่อง iPhone 11 รุ่นเริ่มต้นที่จะขายดีสุดในปีนี้
อีกรุ่นที่แอปเปิล วางจำหน่ายพร้อมกันในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ คือ iPhone 11 ที่เป็นรุ่นต่อเนื่องจาก iPhone XR ซึ่ง iPhone 11 จะมากับสีใหม่ด้วยกัน 2 สี คือสีเขียว และสีม่วง เพิ่มเติมจาก ดำ เหลือง แดง และขาว ซึ่งกลายเป็นว่าสีส้ม และฟ้าหายไป
โดยรุ่นที่นำมาแกะกล่องกันคือ iPhone 11 สีเขียว 256 GB ที่ราคา 30,900 บาท ส่วนรุ่นเริ่มต้น 64 GB อยู่ที่ 24,900 บาท ซึ่งแน่นอนว่า iPhone 11 จะเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดในปีนี้ เหมือนที่ XR ทำยอดขายได้ดีที่สุดในปีที่ผ่านมา จากระดับราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
กล่องของ iPhone 11 ก็มีลูกเล่นเรื่องสีที่ตัวอักษร และโลโก้เช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ จะเป็นสีเขียวที่สะท้อนกับแสงไฟออกมา เพิ่มเติมจากรูปตัวเครื่องที่หน้ากล่อง
เมื่อเปิดฝากล่องออกมาก็จะพบกับตัวเครื่อง iPhone 11 วางคว่ำอยู่เช่นกัน โดยในรุ่นนี้ จะมากับกล้อง 2 เลนส์ คือ Ultra Wide และ Wide โดยใช้ชุดเลนส์เดียวกันกับบน iPhone 11 Pro แต่ไม่มีเลนส์ Telephoto มาให้
สำหรับ iPhone 11 อุปกรณ์ที่แถมมาให้ภายในกล่องจะยังเป็นอะเดปเตอร์ชาร์จแบบเดิม พร้อมกับสาย Lightning อยู่ ที่เหลือก็จะมีหูฟัง Lightning คู่มือการใช้งาน และสติกเกอร์อยู่ภายในกล่องกระดาษสีขาว
ทำให้แม้ว่าตัวเครื่อง iPhone 11 จะรองรับระบบชาร์จเร็ว แต่ถ้าต้องการชาร์จเร็วจะต้องซื้ออะเดปเตอร์ 18W เพิ่มเติมอีกทีในราคา 1,190 บาท พร้อมสาย USB-C to Lightning อีก 690 บาท
ตัวเครื่องของ iPhone 11 จะเหมือนกับ iPhone XR โดยมีจุดต่างภายนอกที่เพิ่มมาคือส่วนของกล้องหลังที่เพิ่มจาก 1 เลนส์ เป็น 2 เลนส์ ส่วนหน้าจอยังคงเป็น Liquid Retina HD ขนาด 6.1 นิ้วเช่นเดิม
ส่วนรีวิวฉบับเต็มของเครื่องทั้ง 2 รุ่นจะตามมาในไม่ช้า