ทดสอบกล้องหลัง PureView : Microsoft Lumia 950XL

14484

IMG_0472

ทุกครั้งที่สมาร์ทโฟนตระกูล Lumia จากไมโครซอฟท์ออกวางจำหน่าย นอกจากความเป็นวินโดวส์ที่มีรูปแบบการใช้งานเฉพาะตัวแล้ว เรื่องของกล้องถ่ายภาพ PureView ประกบเลนส์ ZEISS ที่โด่งดังมาตั้งแต่โนเกีย ก็ถือเป็นหนึ่งความสนใจของผู้อ่านไซเบอร์บิซมาตลอด จนทีมงานต้องแยกเขียนบททดสอบเฉพาะกล้องหลัง PureView แยกจากรีวิวฉบับเต็มทุกครั้งที่ได้รับสมาร์ทโฟน Lumia มาทดสอบ

และในวันนี้ขอต้อนรับปีใหม่ด้วย Microsoft Lumia 950XL หลังจากทางทีมงานได้ทดสอบในส่วนประสิทธิภาพไปแล้ว ในบทความนี้จะเป็นเรื่องของกล้องหลัง PureView กับการทดสอบเค้นประสิทธิภาพกล้องหลังทั้งไฟล์ดิบ DNG โหมดกล้องอัตโนมัติ และจุดขายสำคัญ “High resolution zoom (PureView Zoom) ซูมภาพโดยไม่สูญเสียความละเอียด”

IMG_0470

สำหรับสเปกกล้องหลัง Microsoft Lumia 950XL (Windows 10) มาพร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Backside-illuminated PureView ขนาด 1/2.4 นิ้ว ความละเอียดภาพสูงสุด 20 ล้านพิกเซล ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอลและออโต้โฟกัสมีการปรับปรุงให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้น

ในส่วนเลนส์ ZEISS เป็นมุมกว้าง 26 มิลลิเมตร รูรับแสงกว้าง f/1.9 ตามสมัยนิยมเพื่อให้รับแสงในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า และไฟแฟลช LED ได้รับการออกแบบใหม่บนเทคโนโลยี Natural Flash จำนวน 3 ดวงพร้อมรองรับ Rich Capture (เปิดไฟแฟลชถ่ายภาพก่อนแล้วค่อยมาเลือกความเข้มของไฟแฟลชทีหลังผ่านซอฟต์แวร์)

กล้องหน้า ปรับเพิ่มความละเอียดเป็น 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f2.4 และรองรับการบันทึกวิดีโอ 1080p

video-950xl

ด้านวิดีโอ เนื่องจากไมโครซอฟต์ปรับฮาร์ดแวร์หลายส่วนใหม่ทำให้ Lumia 950XL รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดถึง 4K (Ultra HD 3,840 x 2,160 พิกเซล) ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาทีพร้อมเทคโนโลยีไมโครโฟนบันทึกเสียง 4 ตัว (Lumia Rich Recording) และวิดีโอสโลโมชัน

User Interface ซอฟต์แวร์กล้อง

s14

ยังคงเน้นรูปแบบการใช้งานที่ง่าย โดยหลักๆหลังเข้าใช้งานกล้องครั้งแรก ระบบจะปรับเป็นโหมดอัตโนมัติให้ ผู้ใช้มีหน้าที่กดชัตเตอร์ถ่ายภาพอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทั้งนี้ถ้าต้องการโหมดโปรเพื่อปรับแต่งค่ากล้องตามต้องการ ก็สามารถทำได้เพียงกดปุ่มชัตเตอร์ (รูปกล้องถ่ายภาพ) ที่หน้าจอค้างไว้แล้วเลื่อนไปทางซ้าย จะปรากฏแถบปรับแต่งค่ากล้องขึ้นมา ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ ชดเชยแสง +/- ความเร็วชัตเตอร์ ค่าความไวแสง (ISO) โฟกัสและสมดุลแสงขาว (White Balance)

lumia-settings

ในส่วนการตั้งค่าสามารถปรับแต่งได้อิสระ ตั้งแต่ความละเอียดภาพว่าจะเป็น JPEG อย่างเดียว หรือเลือก JPEG + RAW File (DNG) ส่วนเมนู Capture living images เมื่อเปิดใช้งานระหว่างถ่ายภาพนิ่ง ระบบจะแอบบันทึกวิดีโอขนาดสั้นเพื่อเก็บบรรยากาศในรูปแบบภาพเคลื่อนไหวระหว่างถ่ายภาพนิ่งไว้ คล้ายหลักการเดียวกับ Live Photos ของแอปเปิล

filesize-950xl

สุดท้ายในส่วนขนาดไฟล์ภาพ JPEG 1 ไฟล์จะใช้พื้นที่ประมาณ 4-4.4MB ส่วนไฟล์ดิบ .DNG 1 ไฟล์จะใช้พื้นที่ประมาณ 26-27MB และถ้ารวมไฟล์ภาพทั้งหมดตั้งแต่ JPEG + RAW DNG + Capture living images เท่ากับว่ารูปถ่าย 1 รูปจะใช้พื้นที่มากถึง 40MB เลยทีเดียว

ฟีเจอร์เด่น

rich-capture-mode-950

Rich Capture Mode นอกจากจะช่วยปรับแต่งภาพ JPEG ให้สวยงามหลังจากกดชัตเตอร์แล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นก็คือ เมื่อถ่ายภาพด้วยการเปิดใช้ไฟแฟลช ระบบจะบันทึกภาพทั้งก่อนเปิดไฟแฟลชและหลังเปิดไฟแฟลชไว้

โดยหลังจากถ่ายภาพเสร็จแล้ว ที่ Gallery ผู้ใช้สามารถกลับมาปรับแต่งสมดุลไฟแฟลชได้ตามต้องการ (Choose the best lighting) โดยระบบจะนำภาพที่บันทึกไว้ทั้งสองภาพมารวมกันเป็นภาพเดียว ผู้ใช้มีหน้าที่เลื่อนแถบปรับสมดุลแสงด้านล่างเพื่อเลือกช่วงแสงที่เหมาะสมได้อย่างอิสระ ช่วยให้การถ่ายภาพย้อนแสงทำได้สวยงามขึ้น

rich-capture-mode-950-sample

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วย Rich Capture Mode ร่วมกับการเปิดไฟแฟลช หลังจากนั้นได้ปรับแถบสมดุลแสงให้พอดีเพื่อไม่ให้แสงไฟแฟลชเข้มจนเกินไป 

pureview-zoom-950xl

High resolution zoom (PureView Zoom) ระบบซูมภาพดิจิตอลแบบไม่สูญเสียความละเอียดเป็นจุดเด่นของสมาร์ทโฟนตระกูลนี้เกือบทุกรุ่น และถูกพัฒนาปรับปรุงให้ประสิทธิภาพดีขึ้นมาตลอด โดยในรุ่นล่าสุด Lumia 950XL ก็ได้รับการปรับปรุงในส่วนรายละเอียดภาพและความคมชัดที่ดีขึ้นกว่าเดิม

WP-950XL-ZOOM-1WP-950XL-ZOOM-2WP-950XL-ZOOM-3

ทั้ง 3 ภาพนี้ ทีมงานใช้ High resolution zoom (PureView Zoom) ด้วยวิธีเดียวกับการซูมดิจิตอลบนสมาร์ทโฟนทั่วไป ไม่ต้องตั้งค่าใดๆให้วุ่นวาย

ทดสอบประสิทธิภาพและสรุป

lightroom-dng-950xl

จำได้ว่าเมื่อรุ่นที่แล้วการถ่าย RAW File .DNG + JPEG และระบบกล้องหลายส่วนยังดูขาดๆเกินๆ แต่มาถึงแพลตฟอร์ม Windows 10 และฮาร์ดแวร์ที่พัฒนาสูงขึ้น การถ่ายภาพทั้งโหมดอัตโนมัติ JPEG File และแบบมืออาชีพ RAW .DNG ทำได้ง่ายดายและลื่นไหลมากขึ้น การตั้งค่าไม่วุ่นวายเหมือนก่อนแล้ว

ISOtest-950xl

จุดที่น่าประทับใจก็คือการจัดการสัญญาณรบกวน JPEG File ที่ไมโครซอฟท์ปรับปรุงมาได้ดี ISO 3,200 ให้ผลลัพท์ของภาพที่ดีมาก สีสันที่เคยผิดเพี้ยนเมื่อดัน ISO ให้สูงถูกแก้ไขให้ดีขึ้นมาก

bf-950xl-2

ส่วน RAW .DNG เห็นได้ชัดเจนจากรุ่นก่อนหน้าเลยว่า ไมโครซอฟท์ได้ปรับปรุงเรื่องการเก็บรายละเอียดภาพและไดนามิกที่ดีขึ้น แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องสัญญาณรบกวนจากไฟล์ดิบและเซ็นเซอร์รับภาพขนาดเล็ก ยิ่งเมื่อเปิดหน้ากล้องนานเกิน 2 วินาที ISO เกิน 400 เราจะเห็นความเละเทะของไฟล์ได้ (แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยซอฟต์แวร์ต่างๆ)

WP-950XL-PAO-3

ยกตัวอย่างภาพนี้ถ่ายที่ความเร็วชัตเตอร์ 4 วินาที ISO แค่ 400 แต่เมื่อถ่ายด้วย RAW File นอยซ์ค่อนข้างเยอะมาก ต้องใช้ Lightroom ลบนอยซ์ออก ซึ่งก็ช่วยได้แค่ระดับหนึ่ง เพราะเนื้อไฟล์ค่อนข้างเละเทะพอสมควร

WP-950XL-PAO-4

แต่พอแสงยามเช้าเริ่มมา ทำให้เราสามารถขยับ ISO ลงมาต่ำสุดได้ ภาพที่ได้ถือว่าเนียนและคมชัดมากขึ้น

bf-950xl-1

โดยภาพนี้ถือว่าเป็นการโชว์พลังของ RAW File จาก Lumia 950XL ได้อย่างดี เพราะตอนบันทึกภาพนี้เป็นไฟล์ดิบ ทีมงานเลือกให้แสงติดโอเวอร์เล็กน้อยจากข้อจำกัดของ f-stop ที่ปรับไม่ได้ จากนั้นเมื่อมาถึงขั้นตอนตกแต่งภาพ ทีมงานเลือกดึงแสงลงและเพิ่มรายละเอียดของส่วนฟ้าให้มีสีที่สดขึ้น ทุกอย่างสามารถจัดการได้เหมือน RAW File จากกล้อง DSLR

WP-950XL-PAO-1WP-950XL-PAO-11WP-950XL-PAO-5

มาลองถือถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติกันบ้าง ในที่แสงน้อยการจับโฟกัสทำได้รวดเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าพอสมควร ระบบป้องกันภาพสั่นไหวเมื่อทำงานควบคู่กับระยะเลนส์มุมกว้าง ทำให้คุณสามารถถือ Lumia 950XL ถ่ายที่ความเร็วชัตเตอร์ระดับ 2 วินาทีได้โดยไม่เกิดภาพสั่นไหว

WP-950XL-PAO-2WP-950XL-PAO-6WP-950XL-PAO-10WP-950XL-PAO-9WP-950XL-PAO-7WP-950XL-PAO-8

สุดท้ายกับภาพรวมกล้อง PureView บน Lumia 950XL สิ่งที่ประทับใจมากที่สุดหลังทดลองถ่ายภาพอยู่ 5 วันเต็ม คือ


1.ชัตเตอร์ทำงานเร็ว ระบบประมวลผลภาพเร็ว โดยเฉพาะการเลือกถ่ายแบบ JPEG 8 ล้านพิกเซล + DNG 19 ล้านพร้อมกัน ไม่มีอาการหน่วงให้เห็นแต่อย่างใด

2.ไฟล์ RAW .DNG มีการปรับปรุงด้านรายละเอียดภาพ ทำให้เกิดความยืดหยุ่นในการปรับแต่งที่เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างถ่ายฟ้ามาโอเวอร์ เราสามารถเข้าโปรแกรมตกแต่งภาพแล้วดึงรายละเอียดฟ้ากลับมาได้ชัดเจนกว่ารุ่นก่อนหน้ามาก

3.High resolution zoom (PureView Zoom) ทำงานได้ดีและนำไฟล์ไปใช้งานได้จริง

4.JPEG กับซอฟต์แวร์ปรับแต่งภาพอัตโนมัติหลังกดชัตเตอร์ ระบบเลือกปรับแต่งภาพได้ค่อนข้างฉลาด แต่ติดเรื่องหน้าจอแสดงผลชอบปรับภาพให้สวยกว่าไฟล์จริงพอสมควร

WP_20160123_05_54_40_Raw_LI

ถ่ายด้วย RAW File เปิดหน้ากล้องนาน 4 วินาที ISO ประมาณ 1 พัน จะเริ่มเห็นสัญญาณรบกวนเกิดขึ้นแม้จะลบด้วยซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์แล้วก็ตาม

5.JPEG กับ ISO 3,200 ให้นอยซ์ที่น้อยมาก ซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพทำงานได้ดี ในขณะไฟล์ RAW .DNG ที่ ISO เท่ากันแต่นอยซ์มากกว่า (มากระดับเละเทะ รายละเอียด สีสันเพี้ยนไปเลย) เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่เลือกถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติคงไม่มีปัญหาใดๆ แต่สำหรับมือโปรชอบไฟล์ดิบ ทีมงานแนะนำอย่าตั้ง ISO ให้เกิน 800 จะดีที่สุด ยิ่งเป็นการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนเพื่อนำไปตกแต่งต่อ แนะนำให้คุม ISO ให้เหมาะสม ต้องใจเย็นๆ ลองถ่ายแล้วซูมเช็คภาพดูเรื่อยๆ เพราะถ้ามีปัญหานอยซ์และสัญญาณรบกวนจากการเปิดหน้ากล้องนานเกิดขึ้น คุณจะแก้ไขอะไรไม่ได้เลย (ต้องทำใจเซ็นเซอร์และสเปกกล้องหลังเล็กลงจากสมัย 808 PureView มาก)


 

สุดท้ายกับการทดสอบวิดีโอ 4K UHD ถือว่าคมชัดตามมาตรฐาน โดยเฉพาะเสียงที่แยกซ้ายขวาและมิติชัดเจนดี ส่วนวิดีโอ 1080p ปกติ ทีมงานมีข้อสังเกตเล็กน้อยในเรื่องระบบป้องกันภาพสั่นไหว ที่ทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร แม้จะเปิดฟังก์ชัน Digital Video Stabilization ร่วมด้วยก็ตาม (ส่วนนี้คาดว่าปัญหามาจากเฟริมแวร์ คล้ายกรณี LG G4 คงต้องรอให้ไมโครซอฟท์ออกเฟริมแวร์มาแก้ไขในอนาคต)

สรุปภาพรวมทั้งหมดในเรื่องกล้อง PureView – โดยภาพรวมถือว่ามีการปรับปรุงไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง LG G4 และสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ยอดนิยมอย่าง Samsung Galaxy S6 edge+ ที่ปรับค่ากล้องแบบแมนวลและถ่าย RAW .DNG ได้ Microsoft Lumia 950XL ไม่ได้มีฟังก์ชันการทำงานที่แปลกใหม่กว่าคู่แข่งแต่อย่างใด ยกเว้น High resolution zoom (PureView Zoom) ที่ Lumia 950XL ทำได้ดีกว่าและระบบไฟแฟลชกับ Rich Capture ที่ทำได้น่าสนใจมาก

“ความจริงแล้วไมโครซอฟท์มีเทคโนโลยีกล้องที่น่าสนใจเหนือคู่แข่งมากมายอยู่ในมือตั้งแต่สมัย Nokia 808 PureView แต่น่าเสียดายที่เทคโนโลยีเหล่านั้นถูกจำกัดด้วยกลไกตลาดหลายส่วน ทำให้ Lumia ในยุคหลังไม่ค่อยแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดมากนัก หลายฟักง์ชันใน Lumia 950/950XL ทำได้น่าสนใจและทีมงานมองว่าไมโครซอฟท์ที่มีเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพของโนเกียอยู่ในมือน่าจะพัฒนาได้ดีเยี่ยมกว่านี้เหมือนสมัย 808 PureView แต่สุดท้ายเราก็ยังไม่เห็นความพิเศษเหนือคู่แข่งจาก Microsoft Lumia 950/950XL นอกจากประสิทธิภาพที่ปรับปรุงไปตามสมัยเท่านั้น”

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น

SHARE