Review : HUAWEI Mate 9 Pro รุ่นท็อป จอชัด พร้อมแรม 6GB

61253

headmarte9pro

ถือเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงกระแสดีต้อนรับปี 2017 จากหัวเว่ย โดยรุ่นแรกเริ่มทำตลาดไปตั้งแต่มกราคมคือ Mate 9 หน้าจอ Full HD 5.9 นิ้ว (ความจุ 64GB) ส่วนรุ่นที่สองกับพี่ใหญ่ตัวท็อปที่เรานำมารีวิว (เริ่มทำตลาดวันนี้) ก็คือ Mate 9 Pro ความจุ 128GB (ขายพร้อมกับรุ่นพิเศษ Mate 9 Porsche Design ความจุ 256GB) พร้อมการปรับเปลี่ยนหน้าจอและสเปกบางส่วน แต่จะเป็นส่วนใดติดตามต่อได้จากบทความรีวิวนี้

การออกแบบ

IMG_0878

IMG_0864

เริ่มจากการออกแบบ ถูกดีไซน์ให้แตกต่างจาก Mate 9 รุ่นเริ่มต้นแทบทุกส่วนตั้งแต่หน้าจอปรับเปลี่ยนไปใช้ Curved (ขอบจอโค้งทั้งสองด้าน) AMOLED Display ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมความละเอียดหน้าจอที่ 2,560×1,440 พิกเซล (ความหนาแน่นพิกเซล 534 พิกเซลต่อตารางนิ้ว) รวมถึงขนาดรูปทรงตัวเครื่องถูกออกแบบให้มีความโค้งมน เบาและบางกว่า Mate 9 รุ่นหน้าจอ 1080p ด้วยความบาง 7.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 169 กรัม และทั้งด้านหน้าและหลังจะครอบทับด้วยกระจกดูหรูหรากว่า

IMG_0875

ในส่วนปุ่มโฮมพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ Mate 9 Pro จะย้ายตำแหน่งมาติดตั้งใต้จอภาพพร้อมปุ่มฟังก์ชัน Back และ Recent Apps ขนาบอยู่ทั้งสองข้าง (ในภาพจะเห็นเป็นจุดสีขาว) แตกต่างจาก Mate 9 หน้าจอ 1080p ที่จะนำปุ่มโฮมและเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ด้านหลังตัวเครื่อง ส่วนปุ่มฟังก์ชันจะใช้เป็นปุ่มเสมือนจากตัวระบบปฏิบัติการแทน

IMG_0866

IMG_0870

ด้านหลัง ถูกออกแบบมาให้ขอบเครื่องโค้งมนรับกับหน้าจอด้านหน้า ส่วนกล้องถ่ายภาพหลัก LEICA (ไลก้า) ถูกติดตั้งในตำแหน่งเดิม พร้อมไฟแฟลช LED แบบทูโทนและระบบออโต้โฟกัส Phase/Contrast Detection + Laser Auto Focus และ Depth Auto Focus รวมถึงมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS โดยสเปกทั้งหมดเหมือนกับ Mate 9 ทุกรุ่น

IMG_0879

ขวา เป็นปุ่มเพิ่มลดเสียงและปุ่มเปิดปิดเครื่อง

IMG_0881

ซ้าย เป็นช่องใส่ซิมการ์ดแบบ 2 ช่อง รองรับ Dual Sim แต่ Mate 9 Pro จะไม่รองรับการใส่การ์ด MicroSD เพิ่มความจุเครื่อง

IMG_0880

บน เป็นที่อยู่ของ “อินฟาเรด (IR)” สำหรับนำ Mate 9 มาใช้แทนรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้

IMG_0882

ล่าง เริ่มจากซ้ายมือสุดเป็นช่องรับเสียงไมโครโฟน ช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร พอร์ต USB-C และลำโพง (เป็นสเตอริโอทำงานร่วมกับช่องลำโพงฟังเสียงสนทนา – ต้องใช้งานในแนวนอน)

สเปกและซอฟต์แวร์

spec-mate9p

ในส่วนสเปกจะเหมือนกับ Mate 9 ทุกรุ่นคือใช้หน่วยประมวลผล HUAWEI Kirin 960 Octa-core แบ่งความเร็วเป็น 4 แกนแรก 2.4GHz และ 4 แกนชุดหลัง 1.8GHz พร้อม i6 co-processor และกราฟิก Mali-G71 MP8

แรม เพิ่มเป็น 6GB เพื่อให้เพียงพอต่อหน้าจอความละเอียด 2K โดยเมื่อเริ่มระบบพร้อมใช้งานจะเหลือแรมให้ใช้ประมาณ 3.6-4GB ส่วนรอมมีความจุเดียวคือ 128GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 108GB (เฟริมแวร์ใช้ไป 15.75GB)

ด้านสเปกฮาร์ดแวร์อื่นๆจะเหมือนกับ Mate 9 ทุกรุ่น ตั้งแต่ความละเอียดกล้อง 20+12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f1.19 กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล f1.9 รองรับ 3G/4G ทุกคลื่นความถี่ในบ้าน รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อ NFC พร้อมแบตเตอรี 4,000mAh

home-mate9p

ในส่วนซอฟต์แวร์ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Android 7.0 และ EMUI 5.0 แบบเดียวกับ Mate 9 ทุกรุ่น เพราะฉะนั้นทีมงานจะไม่ขอเจาะลึกรายละเอียดในส่วนนี้ เนื่องจากได้เขียนไปทั้งหมดแล้วจากรีวิว Huawei Mate 9 >คลิกอ่านที่นี่< 

ทดสอบประสิทธิภาพ

bench1-mate9p

bench2-mate9p

มาถึงการทดสอบประสิทธิภาพ ยอมรับว่าในครั้งแรกที่ได้สัมผัส Mate 9 Pro ในใจแอบคิดว่า แรม 6GB อาจทำให้เครื่องแรงและลื่นไหลกว่า Mate 9 รุ่นหน้าจอ 1080p แต่เมื่อทดลองใช้งานรวมถึงทดสอบด้วยชุดซอฟต์แวร์ต่างๆแล้วพบว่า ประสิทธิภาพไม่แตกต่างกันจนกลายเป็นข้อสังเกตสำคัญได้ แรม 6GB ถูกใช้ไปกับหน้าจอที่มีความละเอียดเพิ่มขึ้น ทำให้จำนวนแรมที่เหลือไม่แตกต่างจาก Mate 9 ทุกรุ่น รวมถึงประสิทธิภาพที่ไม่ทิ้งห่างกันมากนัก

จุดที่แตกต่างจริงๆนอกจากความจุเริ่มต้น 128GB แล้ว น่าจะอยู่ที่จอภาพ 2K AMOLED ใน Mate 9 Pro ที่ให้สีสันและความสว่างเหนือกว่า Mate 9 หน้าจอ 1080p ค่อนข้างมาก รวมไปถึงการออกแบบและกระจกจอภาพใน Mate 9 Pro จะดูหรูหรากว่า Mate 9 มากมายเช่นกัน

batt-mate9p

ส่วนแบตเตอรี ทดสอบโดย PC Mark (เปิดหน้าจอและซีพียูประมวลผลตลอด) พบว่าอยู่ที่ 8 ชั่วโมง 3 นาที (แบตเตอรีเหลือประมาณ 13%) ถ้าใช้ต่อเนื่องไปอีกจนแบตเตอรีหมดจะอยู่ประมาณ 12 ชั่วโมง ส่วนถ้าใช้งานปกติทั่วไปแบตเตอรีน่าจะใช้ได้ต่อเนื่องไปถึง 20 กว่าชั่วโมงสบายๆ เรียกได้ว่าอึดแบบเดียวกับ Mate 9 ทุกรุ่นเลย

IMG_20170208_152320

IMG_20170208_162813IMG_20170209_064731_1

สุดท้ายกับการทดสอบกล้องถ่ายภาพ LEICA เหมือนกับ Mate 9 ทุกอย่าง โดยผู้อ่านสามารถเข้าไปรับชมภาพเพิ่มเติมได้จากรีวิว “11 ภาพเค้นประสิทธิภาพกล้อง LEICA บน HUAWEI Mate 9” >คลิกอ่านที่นี่< 

สรุป

IMG_0893

HUAWEI Mate 9 Pro (แรม 6GB/รอม 128GB) ราคาอยู่ที่ 27,900 บาท มีให้เลือก 2 สี Titanium Grey และ Haze Gold ส่วนรุ่นพิเศษ Mate 9 Porsche Design (แรม 6GB/รอม 256GB – ขายจำนวนจำกัดแค่ 800 เครื่อง) ราคาอยู่ที่ 49,900 บาท

เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปที่หัวเว่ยเน้นขายความหรูหราและสเปกหน้าจอที่ดีกว่า Mate 9 รุ่นเริ่มต้นหน้าจอ 1080p (23,900 บาท) เป็นหลัก เพราะในส่วนประสิทธิภาพถือว่าไม่แตกต่างกันจนเป็นประเด็นในต้องกล่าวถึง ใครมีงบประมาณจำกัด การเลือกซื้อ Mate 9 รุ่นหน้าจอ 1080p ไม่ได้หมายความว่าจะได้เครื่องที่แรงน้อยกว่า Mate 9 Pro แต่อย่างใด เพราะสเปกหักลบจริงๆแล้วก็ถือว่าเท่ากันหมด ยกเว้นคนที่ชอบสีสันของหน้าจอ AMOLED อาจต้องขยับไป Mate 9 Pro เท่านั้น เนื่องจาก Mate 9 รุ่นจอ 1080p IPS LCD สีสันและความสว่างถือว่าเป็นรอง Mate 9 Pro ค่อนข้างมากเลยทีเดียว

ข้อดี

– หน้าจอสว่าง สดใส สีสดกว่า Mate 9 รุ่นจอ 1080p
– ตัวเครื่องจับกระชับมือดี

*นอกนั้นข้อดีเหมือนกับรีวิว Mate 9 รุ่นหน้าจอ 1080p ทั้งหมด

– Machine Learning, EMUI 5.0, Android 7.0 และซีพียูตัวใหม่ทำงานสอดประสานระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้ดีมาก
– ระบบอ่านเขียนข้อมูลมาตรฐานใหม่ UFS 2.1 ทำงานได้รวดเร็ว
– กล้องไลก้ารุ่นที่ 2 ให้คุณภาพไฟล์ที่ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะระบบไฮบริดซูม 2 เท่า
– โหมดกล้องใช้งานง่ายและทรงประสิทธิภาพไม่ต่างจากกล้องโปร
– ไมโครโฟน 4 ตัวรับเสียงได้คมชัดดี
– งานออกแบบดูพรีเมียมมากขึ้น ปัญหาจับตัวเครื่องใช้งานไม่ถนัดที่เกิดขึ้นใน Mate 8 ถูกแก้ไขแล้ว
– Huawei Diamond Service บริการหลังการขายของหัวเว่ยน่าสนใจมาก (ใครเคยใช้บริการรบกวนเขียนความเห็นลงช่องคอมเมนต์ให้ด้วย)

ข้อสังเกต

*เหมือนกับรีวิว Mate 9 รุ่นหน้าจอ 1080p ทั้งหมด

– ระบบออโต้โฟกัสและอาการชัตเตอร์แลคยังมีให้พบเห็นบ้าง
– คุณภาพการถ่ายวิดีโออยู่ในระดับพอใช้ ระบบป้องกันภาพสั่นไหวยังทำได้ไม่ดีนัก
– ระบบแจ้งเตือนที่ไอคอนแอปฯ (ตัวเลขบอกข้อความเข้ามา) บางครั้งไม่แสดงผล

Gallery

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น

REVIEW OVERVIEW
การออกแบบ
10
สเปก/ฟีเจอร์เด่น
10
ความสามารถโดยรวม
9.5
ความคุ้มค่า
9.5
SHARE