ช่วงนี้เปรียบเสมือนมรสุมลูกใหญ่กำลังซัดกระหน่ำแบรนด์หัวเว่ย (HUAWEI) โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนในกลุ่มแฟลกชิปไล่ตั้งแต่ Mate 9 ไปจนถึง P10 รุ่นที่เรานำมารีวิวให้ชมกันในวันนี้ โดยปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นคุณผู้อ่านต้องเป็นคนตัดสินด้วยตัวเอง (ใครกำลังสนใจ แนะนำให้เดินไปลองเล่นที่ตัวแทน จากนั้นตัดสินใจด้วยตัวเองเลยว่าชอบหรือไม่ชอบ) เพราะสุดท้ายคนที่จ่ายเงินซื้อก็คือตัวของคุณเอง ส่วนทีมงานไซเบอร์บิซก็ขอทำหน้าที่สื่อนำเสนอบทความรีวิวจัดเต็มแบบไม่เอนเอียงเช่นเดิม
โดยรุ่นที่เราได้รับมารีวิวในวันนี้เป็น HUAWEI P10 สี Graphite Black ความจุ 64GB ในราคา 19,900 บาท (เครื่องวางขายจริง)
การออกแบบ
ภาพลักษณ์ภายนอกของแฟลกชิป HUAWEI P10/P10 Plus จะมีการออกแบบมุมเครื่องให้โค้งมนโดยใช้ Hyper Diamond-Cut ในการเจียรขอบมุมให้ดูลงตัวกว่า P9/P9 Plus โดยรุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบ P10 จะมาพร้อมหน้าจอขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียด 1080p ส่วน P10 Plus จะมาพร้อมหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 2,560×1,440 พิกเซลหรือ 2K (หน้าจอทั้ง 2 รุ่นจะครอบทับด้วยกระจกจอ Corning Gorilla Glass 5)
ในส่วนกล้องหน้า ทั้ง P10/P10 Plus ปรับไปใช้กล้องหน้าจากไลก้า ความละเอียดภาพ 8 ล้านพิกเซล มีออโต้โฟกัสพร้อมรูรับแสงกว้าง f1.9
นอกจากนั้นใต้จอภาพจะเห็นว่าในรุ่น P10/P10 Plus จะมีการย้ายเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจากด้านหลังมาติดตั้งไว้ด้านหน้าแทน
ด้านหลัง วัสดุที่ใช้จะเป็นอะลูมิเนียมพร้อมกล้องหลังแบบคู่ (Dual Camera) จากไลก้าเช่นเดิม โดยในรุ่น P10 จะเป็น LEICA Dual Camera 2.0 เซ็นเซอร์ถ่ายภาพแยกสี (RGB) และขาวดำ (Monochrome) ความละเอียด 12+20 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ SUMMARIT-H ระยะ 27 มิลลิเมตร รูรับแสง f2.2 และไฟแฟลชแบบทูโทน มีเลเซอร์ออโต้โฟกัสแบบเดียวกับกล้องหลัง HUAWEI Mate 9
ส่วนถ้าเป็น P10 Plus เลนส์กล้องจะอัปเกรดเป็น SUMMILUX-H พร้อมรูรับแสงกว้างถึง f1.8 รับแสงได้มากกว่า P10 รุ่นเริ่มต้น
สำหรับขนาดตัวเครื่อง P10 จะมีความหนาอยู่ที่ 7 มิลลิเมตร น้ำหนัก 145 กรัม ส่วน P10 Plus จะอยู่ที่ 6.98 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนัก 165 กรัม
มาดูในส่วนปุ่มกดและช่องเชื่อมต่อรอบตัวเครื่อง เริ่มจากขวามือเป็นที่อยู่ของปุ่มเปิดปิดเครื่อง (ออกแบบใหม่) และปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง
ด้านซ้าย เป็นที่อยู่ของช่องใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์แบบ Nano Sim รองรับ 2 ซิมการ์ด โดยช่องใส่ซิมที่ 2 จะแชร์กับช่อง MicroSD รองรับสูงสุด 256GB
ด้านล่าง ตรงกลางเป็นช่อง USB-C ซ้ายช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ขวาช่องลำโพง โดย P10 จะเป็นโมโน ส่วน P10 Plus จะเป็นลำโพงสเตอริโอ
ด้านบน จะเป็นที่อยู่ของไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ส่วนถ้าเป็น P10 Plus จะเพิ่มช่องรับส่งสัญญาณอินฟาเรดมาด้วย
นอกจากนั้นยังมีสเปกด้านการออกแบบอีกหนึ่งฟีเจอร์เด่นที่หัวเว่ยไม่ได้ทำโฆษณาเหมือนคู่แข่งก็คือ ส่วนของเมนบอร์ดทั้ง P10 และ P10 Plus จะมีการเคลือบ Nano Coating ไว้ทำให้ตัวเครื่องสามารถป้องกันฝนได้ระดับหนึ่ง (ประมาณฝนตกเล็กๆน้อยๆเท่านั้น) แต่ P10 Plus จะได้รับมาตรฐาน IPX3 ป้องกันน้ำได้ดีกว่า แต่ก็ไม่แนะนำให้ใช้ขณะฝนตกหนักหรือลงไปเล่นน้ำในสระเด็ดชาด
สเปก
มาดูในส่วนสเปก ทั้ง HUAWEI P10 และ P10 Plus จะมาพร้อมหน่วยประมวลผล Kirin 960 Octa-core ความเร็ว 2.4GHz พร้อมแรม 4GB (รุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบตรวจเช็คแล้วเป็นแรม DDR4) รอม 64GB เหลือให้ใช้งานจริงประมาณ 50GB รองรับระบบชาร์จไฟแบบรวดเร็ว HUAWEI SuperCharge (มีอะแดปเตอร์แถมมาให้) ส่วนระบบปฏิบัติการเลือกใช้แอนดรอยด์ 7.0 (Nougat) ครอบทับด้วย HUAWEI EMUI 5.1
ด้านสเปกการเชื่อมต่อเครือข่าย เริ่มจาก 3G/4G รองรับทุกคลื่นความถี่ในประเทศไทย โดย 4G จะรองรับ VoLTE และเทคโนโลยีรวมคลื่นความถี่ 3CA ยกเว้น P10 Plus จะเพิ่มเสารับสัญญาณโทรศัพท์เป็น 4 เสา รองรับ 4.5G LTE Advanced
ส่วนการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ซิมที่ 2 จะรับแค่ระบบโทรศัพท์เท่านั้น (รองรับ 2G/3G)
ด้านสเปกอื่นๆ WiFi รองรับมาตรฐาน 802.11 a/b/g/n/ac บลูทูธ 4.2 มี NFC รวมถึงรองรับการถอดรหัสไฟล์เสียงคุณภาพสูง 192Khz/24 บิต พร้อมแบตเตอรี สำหรับ P10 อยู่ที่ 3,200mAh และ P10 Plus อยู่ที่ 3,750mAh
ยูสเซอร์อินเตอร์เฟสและฟีเจอร์เด่น
ทั้ง P10 และ P10 Plus จะมาพร้อมกับยูสเซอร์อินเตอร์เฟส EMUI 5.1 บนแอนดรอยด์ 7.0 (Nougat) ภาพรวมการใช้งานของตัวซอฟต์แวร์จะไม่แตกต่างจากหัวเว่ยรุ่นอื่นๆ แต่สิ่งที่น่าประทับใจก็คือเรื่อง แอปฯติดตั้งมากับเครื่องถูกตัดออกไปเหลือแค่แอปฯที่จำเป็นเท่านั้น
ส่วนการย้ายเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาไว้ข้างหน้า มีหลายคนสงสัยว่าจะสามารถใช้แทนปุ่มโฮมได้เหมือนกับคู่แข่งอย่าง iPhone 7 หรือไม่ คำตอบคือได้ครับ เพียงแต่ค่ามาตรฐานจากโรงงานจะตั้งไว้ให้ส่วนนี้เป็นแค่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกหน้าจอ และใช้ส่วน Navigation Buttons ต้องไปใช้แบบดั้งเดิมแทน
แต่ถ้าผู้ใช้ไม่พอใจก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ผ่านเมนู Navigation Buttons โดยทุกคำสั่งจะไปรวมอยู่ที่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือทั้งหมด ดังนี้
กดเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแรงๆ 1 ครั้ง = เรียกหน้าโฮมสกรีน (ปุ่มจะสั่น)
กดเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเบาๆ 1 ครั้ง = ย้อนกลับ
ปัดซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้ายที่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ = เรียกหน้า Recent Apps
ปัดขึ้นจากขอบจอภาพ = เรียก Google Now
ในส่วนระบบสแกนลายนิ้วมือ ส่วนนี้จะเหมือนเดิมคือรองรับการอ่านลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ รวมถึงประสิทธิภาพการใช้งานยังคงครองแชมป์สมาร์ทโฟนที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือทำงานรวดเร็วสุดเช่นเดิม
กล้องถ่ายภาพ
ซอฟต์แวร์กล้องถ่ายภาพทั้ง HUAWEI P10 และ P10 Plus มองภาพรวมแล้วจะเหมือนกับ Mate 9 โดยลูกเล่นการใช้งานหัวเว่ยยังคงพัฒนาร่วมกับไลก้าเช่นเดิม ความละเอียดภาพมาตรฐานอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล สามารถซูมภาพได้ 2 เท่า (ซอฟต์แวร์ประมวลผลไม่ใช่การซูมผ่านเลนส์จริง) รองรับความละเอียดภาพสูงสุด 20 ล้านพิกเซล (ใช้งานระบบซูมภาพไม่ได้) สามารถถ่ายภาพสีและขาวดำได้เหมือนกับ P9 และ Mate 9 รวมถึงรองรับการถ่าย RAW และมี Manual Mode ปรับแต่งค่ากล้องเองได้
มาถึงส่วนที่เพิ่มเติมมาเป็นจุดขายหลักของ P10 และ P10 Plus ก็คือ “โหมดถ่ายภาพบุคคล” เพราะจากเดิมหัวเว่ยจะมีโหมด Wide Aperture ที่สามารถทำหน้าชัดหลังเบลอจากกล้องคู่หลังมาให้ แต่หัวเว่ยมองว่าโหมดดังกล่าวยังให้ประสิทธิภาพการทำหน้าชัดหลังเบลอหรือ Depth of field ที่ยังไม่เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะการถ่ายภาพบุคคลที่ดูหลอกตามาก
ตัวอย่างภาพจากโหมดถ่ายภาพบุคคล
ใน P10 และ P10 Plus หัวเว่ยและไลก้าจึงร่วมพัฒนาโหมด “ถ่ายภาพบุคคล” ขึ้นมาพิเศษ (รองรับทั้งถ่ายภาพสีและขาวดำ) โดยยึดโทนภาพในสไตล์ไลก้ารวมถึงมีการพัฒนาส่วนจำลองโบเก้ (Bokeh) หรือส่วนที่หลุดโฟกัสใหม่ให้เป็นธรรมชาติเหมือนถ่ายจากเลนส์กล้อง DSLR จริงๆ
ตัวอย่างภาพจากโหมด Wide Aperture จำลองรูรับแสงกว้าง f2
นอกจากนั้นในส่วนโหมด Wide Aperture เดิมก็ยังได้รับอานิสงส์จากการปรับปรุงครั้งนี้ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง HUAWEI P10
ในภาพรวมเรื่องของกล้องถ่ายภาพทั้งหน้าและหลังน่าจะถือเป็นจุดขายสุดของ HUAWEI P10 และ P10 Plus แล้วเพราะในส่วนประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับการปรับเปลี่ยนอื่นๆแล้ว เรื่องกล้องถ่ายภาพดูจะให้ผลลัพท์ที่ชัดเจนสุดเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยเฉพาะการวัดแสง ปรับสมดุลแสงขาวและการจัดการนอยซ์ในที่แสงน้อยถือว่าทำได้ดีขึ้น แต่ต้องเป็นรุ่น P10 Plus ถึงจะความชัดเจนในการปรับเปลี่ยนครั้งนี้มากที่สุด เพราะ P10 รุ่นเริ่มต้นให้ประสิทธิภาพไม่แตกต่างจาก Mate 9 จนเป็นนัยให้ต้องพูดถึง
ในส่วนวิดีโอมีการปรับปรุงจากรุ่นก่อนหน้าค่อนข้างมาก โดยเฉพาะระบบป้องกันภาพสั่นไหวถือว่าให้คุณภาพที่ดี แต่ทีมงานก็ยังยืนยันคำเดิมว่า ต้องเป็น P10 Plus คุณภาพวิดีโอ โดยเฉพาะในที่แสงน้อยถึงจะทำได้ดีกว่านี้ (ไม่เข้าใจว่าทำไมหัวเว่ยไม่ใช้กล้องหลัง P10 และ P10 Plus เป็นสเปกเดียวกัน เพราะแยกสเปกกันแบบนี้แล้ว P10 ดูเป็นไม้ประดับมาก)
ทดสอบประสิทธิภาพ
AnTuTu Benchamrk = 130,568 คะแนน
3D Mark
Sling Shot Extreme = 2,018 คะแนน
Sling Shot = 2,254 คะแนน
Ice Storm Extreme = 13,127 คะแนน
AndroBench
Seq. Read = 759.78 MB/s
Seq Write = 185.3 MB/s
PC Mark
Work 2.0 = 6,305 คะแนน
Computer Vision = 3,228 คะแนน
BaseMark = 44,038 คะแนน
Geekbench 4
Single-Core = 1,850 คะแนน
Multi-Core = 6,227 คะแนน
PassMark PerformanceTest
System = 10,161 คะแนน
CPU Tests = 239,074 คะแนน
Memory Tests = 11,022 คะแนน
Disk Tests = 73,844 คะแนน
2D Graphics Tests = 8,240 คะแนน
3D Graphics Tests = 2,385 คะแนน
ในส่วนประสิทธิภาพเรียกได้ว่า ถ้าหัวเว่ยไม่มีปัญหาเรื่องคละสเปกแรมและหน่วยเก็บข้อมูลกับชิปรุ่นเก่า อย่างตัวที่ทีมงานได้รับมาทดสอบทั้งแรมและรอมเป็นเทคโนโลยีล่าสุดทั้งหมด ประสิทธิภาพที่ได้ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะคะแนนทดสอบหลายส่วนติดระดับบนๆของตลาดแฟลกชิปได้เลย
มาถึงเรื่องแบตเตอรี สำหรับรุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบคือ HUAWEI P10 สามารถทำเวลาใช้งานต่อเนื่องได้ 7 ชั่วโมง 45 นาที ถ้าคิดเป็นเวลาใช้งานทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 12-14 ชั่วโมงเท่านั้น ตามความคิดของทีมงานขอเรียนตามตรงว่าไม่ค่อยประทับใจนัก
สรุป
สำหรับราคา HUAWEI P10 และ P10 Plus จะเริ่มต้นที่ 17,900 บาท ถึง 23,900 บาท มีให้เลือก 6 สี ได้แก่ Dazzling Blue, Dazzling Gold, Greenery (เฉพาะรุ่น P10 Plus), Mystic Silver, Graphite Black และ Prestige Gold
จุดขายหลักของ HUAWEI P10 และ P10 Plus จริงๆแล้วน่าจะอยู่ที่กล้อง Dual Camera เป็นสำคัญ เพราะในส่วนนี้หัวเว่ยปรับปรุงจนเห็นผลชัดเจนมากที่สุด โดยเฉพาะโหมดถ่ายภาพบุคคลรวมถึงการทำภาพหน้าชัดหลังเบลอคุณภาพสูง นอกนั้นจะเป็นการอัปเดตเทคโนโลยีไปตามกระแสโลกปกติ ไม่มีสิ่งใดหวือหวาเหมือนตอนเปิดตัว P9/P9 Plus
สุดท้ายใครที่กำลังมองหา HUAWEI P10 และไม่สนใจกระแสปัญหาที่ร้อนแรงอยู่ในตอนนี้ ผมขอเรียนตามตรงว่าให้มองข้าม P10 ไปมองรุ่น P10 Plus จะดีที่สุด เพราะเป็นรุ่นที่หัวเว่ยนำเทคโนโลยีใหม่ๆรวมถึงกล้องตัวใหม่ไปติดตั้งไว้ทั้งหมด ในขณะที่ P10 รุ่นเริ่มต้นจะเหมือนเป็น Mate 9 ในเรือนร่างขนาดเล็กเท่านั้น