Review : Huawei Watch GT 2 เด่นเรื่องเก็บข้อมูลสุขภาพ และแบตอึด

9690

ตลาดนาฬิกาสมาร์ทวอทช์สำหรับผู้ใช้งานแอนดรอยด์โฟน ยังถือว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง จากทั้งแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเอง และแบรนด์ผู้ผลิตอุปกรณ์ตรวจจับการออกกำลังกายต่างๆ แตกต่างจากทางฝั่งของผู้ใช้งานไอโฟนที่ถูกยึดด้วย Apple Watch ไปเรียบร้อยแล้ว

Huawei เป็นอีกแบรนด์ที่มุ่งทำตลาดสมาร์ทวอทช์ และอุปกรณ์ฟิตเนสแทร็กเกอร์ ออกสู่ตลาด เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานสมาร์ทโฟนของ Huawei เอง และยังเปิดกว้างให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนแบรนด์อื่น หรือระบบปฏิบัติการอื่นสามารถใช้งานได้ด้วย

Huawei Watch GT 2 ที่เปิดราคาออกมา 6,490 บาท จึงกลายเป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นที่น่าสนใจรุ่นหนึ่งในตลาด เพราะนอกจากจะมีความสามารถในการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนแล้ว ยังสามารถใช้ตรวจจับการออกกำลังกาย วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และบันทึกข้อมูลสุขภาพต่างๆ ได้ด้วย

ข้อดี

  • สมาร์ทวอทช์ราคาไม่ถึง 8,000 บาท
  • มี 3 รุ่นให้เลือก ตั้งแต่เริ่มต้นสายสแตนเลส
  • แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่อง 2 สัปดาห์

ข้อสังเกต

  • ไม่สามารถติดตั้งแอปจากนักพัฒนาภายนอกได้
  • การปรับแต่งหน้าปัดต่างๆ ยังมีข้อจำกัดอยู่
  • ต้องเชื่อมต่อกับ Huawei Health เท่านั้น

ดีไซน์หรู เน้นใช้งานง่าย

Huawei Watch GT 2 ออกมาด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นหลักด้วยกันคือรุ่นตัวเรือน 42 มม. แบ่งให้เลือกเป็น 3 เวอร์ชันคือ Sport Classic และ Elegant ส่วนรุ่นตัวเรือน 46 มม. จะมีให้เลือกเป็น Sport Classic และ Elite โดยระดับราคาจะอยู่ที่ 6,490 – 7,990 บาท

ตัวเรือนที่ได้มารีวิวคือรุ่น 46 มม. Elite Edition ที่ภายในนอกจากจะมีสายยางสำหรับใช้ใส่ออกกำลังกายมาให้แล้ว จะมีสายที่เป็นสแตนเลสแถมมาให้ พร้อมกับไขดวงเพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับขนาดสายได้ด้วยตัวเอง ถือว่าหัวเว่ย คิดมาได้ละเอียดมากๆ ในจุดนี้

กลับมาที่ตัวเรือนขนาด 46 มม. วัสดุหลักที่ใช้จะเป็นโลหะ ผสมกับกระจกหน้าจอแบบ 3 มิติ โดยขนาดตัวเรือนจะอยู่ที่ 45.9 x 45.9 x 10.7 มิลลิเมตร น้ำหนักเฉพาะตัวเรือนประมาณ 41 กรัม

หน้าจอที่ใช้จะเป็น AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว ความละเอียด 454 x 454 พิกเซล ซึ่งรองรับการสัมผัสสั่งงาน หรือจะใช้งานผ่านปุ่มควบคุมที่เป็นเม็ดมะยมทางด้านขวาทั้ง 2 ปุ่มก็ได้เช่นเดียวกัน

ภายในตัวเครื่องของ Watch GT 2 นอกจากชิป Kirin A1 ที่ออกแบบมาสำหรับสมาร์ทวอทช์โดยเฉพาะ ก็จะมีทั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ตรวจจับแสง แรงกดอากาศต่างๆ โดยรองรับการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ 5.1 และมี GPS ภายในตัว

Huawei ระบุว่า Watch GT 2 รุ่น 46 มม. สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และใช้ในการวัดออกกำลังได้ต่อเนื่อง 30 ชั่วโมง ซึ่งเท่าที่ทดสอบใช้งาน ถ้าใช้งานทั่วๆ ไปในชีวิตประจำวันถือว่าอยู่ในระดับเดียวกับที่หัวเว่ยเคลมไว้ แต่ถ้าออกกำลังหนักๆ ต่อเนื่องระยะเวลาใช้งานก็จะลดน้อยลง

ในส่วนของการชาร์จจะมีแท่นชาร์จแม่เหล็กติดมาให้ด้วย ผู้ใช้สามารถนำแท่นชาร์จต่อเข้ากับสายชาร์จ USB-C และวาง Watch GT 2 ลงไปชาร์จไฟได้ทันที นอกจากนี้ ตัวเรือนยังสามารรถกันน้ำได้ระดับ 5 ATM ทำให้สามารถใส่ว่ายน้ำได้ด้วย

เริ่มต้นใช้งานกับ Huawei Health

ในการใช้งาน Watch GT 2 สิ่งแรกที่ต้องทำเลยคือการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชันอย่าง Huawei Health ที่สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งบน Play Store ของแอนดรอดย์ และ App Store ของไอโฟน

เมื่อเชื่อมต่อเรียบร้อย ก็จะขึ้นแสดงผลสถานะการเชื่อมต่อ ปริมาณแบตเตอรี พร้อมกับรายละเอียดจำนวนก้าว ปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาน ระยะทางที่เดินเป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีโหมดให้เลือกเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาเพิ่มเติมจากในแอปด้วย

นอกจากนี้ ก็สามารถตั้งค่าเพิ่มเติมอย่าง การเปิดวัดการนอน (TruSleep) แจ้งเตือนให้เคลื่อนไหว จับอัตราการเต้นของหัวใจอัตโนมัติ เปิดระบบวัดความเคลียดของผู้สวมใส่ จนถึงการตั้งค่าทั่วๆ ไปอย่างนาฬิกาปลุก เครื่องเล่นเพลง การแจ้งเตือน รายชื่อผู้ติดต่อ รายงานสภาพอากาศ เตือนเมื่อการเชื่อมต่อบลูทูธหลุด ปรับให้หน้าจอสว่างขึ้นเมื่อยกแขนเป็นต้น

ภายในแอป ยังจะแสดงรายละเอียดของกิจกรรมต่างๆ ที่ผู้ใช้ทำเพิ่มเติม อย่างการออกกำลังกาย ก็สามารถย้อนดูเส้นทาง อัตราการเต้นของหัวใจได้ เช่นเดียวกับการนอน และการควบคุมน้ำหนัก กรณีที่ป้อนข้อมูลไว้

สิ่งที่น่าสนใจคือแอปจะมีการนำข้อมูลไปวิเคราะห์เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย จนถึงคำนวนระยะเวลาให้ร่างกายพักฟื้นอย่างเต็มที่ก่อนออกกำลังกายครั้งถัดไป

ในส่วนของการวัดนอนก็เช่นกัน เมื่อใส่นอนก็จะมีการวัดช่วงเวลาหลับตื้น หลับลึก เพื่อนำมาคำนวนเป็นคะแนน พร้อมคำแนะนำให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเหมาะกับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพเป็นพิเศษ

ใช้งานทั่วไป Watch GT 2 เอาอยู่

ด้วยการที่เป็นสมาร์ทวอทช์ ดังนั้นเวลาสั่งงานต่างๆ จึงไม่ได้จำเป็นต้องเข้าไปสั่งผ่านแอปบนสมาร์ทโฟนอย่างเดียว แต่ผู้ใช้สามารถเลือกปรับตั้งค่าต่างๆ ที่ตัวนาฬิกาได้ อย่างการเปลี่ยนรูปหน้าปัดนาฬิกา ตั้งหน้าจอแสดงผลจำนวนก้าว แสดงช่วงเวลาที่เคลื่อนไหว

Watch GT 2 ยังใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมการเล่นเพลงได้ อย่างกรณีที่เปิดเพลงฟังอยู่ สามารถสั่งเล่น หยุด เปลี่ยนเพลง ปรับเสียง ได้ผ่านนาฬิกาทันที ทำให้ในกรณีที่ใส่หูฟัง ฟังเพลงอยู่ก็ไม่จำเป็นต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเลือกเปลี่ยนเพลงอีกต่อไป

แอปพลิเคชันส่วนใหญ่ที่ติดตั้งมาให้บน Watch GT 2 จะเป็นแอปเกี่ยวกับการใช้งานทั่วไป และสุขภาพเป็นหลัก อย่างการออกกำลังกาย ดูอัตราการเต้นของหัวใจ ดูการนอน วัดความเคลียด แอปที่ช่วยควบคุมการหายใจเเพื่อให้ผ่อนคลาย เพลง รายชื่อผู้ติดต่อ ประวัติการโทร

แสดงความกดอากาศ เข็มทิศ พยากรณ์อากาศ การแจ้งเตือน นาฬิกาจับเวลา นาฬิกาปลุก ไฟฉาย และสั่งให้ค้นหาสมาร์ทโฟน ด้วยการสั่งให้เสียงดังขึ้นมาเพื่อให้ทราบว่าสมาร์ทโฟนอยู่ตรงไหน

ส่วนของการตั้งค่าเพิ่มเติมก็คือ สามารถเลือกจับคู่ Watch GT 2 กับหูฟังบลูทูธ ตั้งค่าหน้าจอแสดงผล เปิดโหมดห้ามรบกวน ตั้งค่าปุ่มควบคุม และตั้งค่าระบบของตัวเครื่องต่างๆ

โดยในโหมดของการออกกำลังกาย ผู้ใช้สามารถกดเข้าไปแล้วเลือกประเภทกีฬาที่ออกกำลังกายได้ ทั้งการเดิน วิ่ง ขี่จักรยาน และกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งในการออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องพกสมาร์ทโฟนติดตัวไปด้วย เพราะตัว Watch GT 2 มี GPS ภายในตัวอยู่แล้ว สามารถบันทึกข้อมูลการออกกำลังกายได้ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ Watch GT 2 ไม่ได้ใช้ระบบปฏิบัติการที่เปิดกว้างอย่าง Wear OS แต่เลือกใช้ระบบปฏิบัติการ Huawei Lite แทน ทำให้ในการใช้งานมีข้อจำกัดอยู่ค่อนข้างเยอะ ยังไม่ได้เหมือนกับสมาร์ทวอทช์ที่ใช้ Wear OS ที่มีความหลากหลายกว่า

ดังนั้น Watch GT 2 จึงไม่สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันอื่นๆ เพิ่มเติมได้ นอกจากที่รองรับใน Huawei Health ซึ่งถ้านำไปใช้งานทั่วๆไป เป็นนาฬิกาที่ใส่เพื่อรับการแจ้งเตือน และวัดสุขภาพไปในตัว Watch GT 2 ก็ถือว่าตอบโจทย์ แต่ถ้าต้องการความอัจฉริยะของนาฬิกามากกว่านั้นอาจจะต้องมองข้ามไป

สรุป

Huawei Watch GT 2 เหมาะกับผู้ใช้งานทั่วๆไป ที่ต้องการนาฬิกามาใช้เพื่อรับการแจ้งเตือน และวัดการออกกำลังกายไปในตัว โดยเฉพาะผู้ใช้ Android ทื่ต้องการหาสมาร์ทวอทช์มาใช้งานคู่กันไปด้วย

เพราะความสามารถของฮาร์ดแวร์ถือว่าทำได้ดี ติดก็ตรงซอฟต์แวร์อย่าง Huawei Health ทื่ยังอยู่ในช่วงพัฒนาทำให้ขาดความสามารถหลายๆ อย่างไป ซึ่งถ้ามองแนวโน้มในการพัฒนาจากรุ่นก่อน ก็ถือว่าหัวเว่ยทำได้ค่อนข้างดี ประกอบกับราคานาฬิกาที่ไม่ได้สูงจนเกินไป ทำให้ผู้ใช้ที่กำลังหานาฬิกามาคู่มือตัดสินใจได้ง่ายขึ้นด้วย

Gallery

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น