ในยุคที่สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ไม่รองรับการใช้งานร่วมกับสายหูฟัง 3.5 มม. จนทำให้ตลาดหูฟังไร้สายมีการเติบโตขึ้นเป็นอย่างมากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา หนึ่งในหูฟังรุ่นที่ได้รับความนิยมจากตลาดที่เน้นคุณภาพของเสียงคงหนีไม่พ้น Sennheiser Momentum
แน่นอนว่า ใครที่ประทับใจกับหูฟังไร้สายแบบ True Wireless ของ Sennheiser Momentum รุ่นแรกไปแล้ว เตรียมเสียเงินได้เลยกับ Momentum True Wireless 2 รุ่นใหม่ที่ออกมาอัปเดตทั้งคุณภาพเสียง แบตเตอรีให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น และที่สำคัญคือระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Active Noise Cancellation
ทำให้ Momentum True Wireless 2 (MTW2) กลายเป็นหูฟังไร้สายที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แม้ว่าราคาจำหน่ายจะถือว่าค่อนข้างสูงเพราะเปิดราคามาที่ 11,999 บาท แต่เชื่อว่าใครที่กำลังมองหูฟังไร้สายคุณภาพดี หูฟังรุ่นนี้เป็นหนึ่งในรุ่นที่ตอบโจทย์ได้อย่างแน่นอน
เด่นที่คุณภาพเสียง เสริมด้วยตัดเสียงรบกวน
ด้วยการที่หูฟังไร้สายรุ่นแรกของ Sennheiser Momentum True Wireless ทำมาตรฐานของคุณภาพเสียงไว้สูงมาก จนเป็นหนึ่งในรุ่นยอดนิยมของหูฟังไร้สายในลักษณะของ True Wireless ก็ว่าได้ เพียงแต่ว่าด้วยการที่ออกมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของตลาดหูฟังไร้สาย ทำให้ยังไม่ได้มีการพัฒนาเรื่องของการตัดเสียงรบกวนเข้าไปด้วย
พอมาเป็นรุ่นที่ 2 Sennheiser ก็ไม่พลาดที่จะใส่ความสามารถอย่าง Active Noise Cancellation มาให้ใช้งานกัน ซึ่งในกลุ่มนี้จะมีเจ้าตลาดอย่าง Sony WF-1000XM3 และ Apple AirPods Pro ครองตลาดอยู่ทำให้หูฟังรุ่นนี้เข้ามาชนกันตลาดนี้เต็มๆ ในระดับราคาค่าตัวที่สูงกว่าด้วย
ประเด็นสำคัญก็คือ กลุ่มผู้ใช้งานหูฟังไร้สายในระดับราคาหมื่นบาท จะถือเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับเสียงมาเป็นลำดับแรกๆ เรียกได้ว่าถึงฟีเจอร์ในการใช้งานจะดีแค่ไหน แต่ถ้าคุณภาพเสียงไม่ดีก็ไม่มีทางเลือกซื้อกันอยู่แล้ว ซึ่ง MTW2 กลับสามารถมาตอบโจทย์ตรงนี้ได้
การที่มีคุณภาพเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ MTW2 เป็นหูฟังไร้สายที่ให้เสียงได้ครบที่สุดรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ ทั้งเสียงใสที่เป็นเอกลักษณ์ เก็บรายละเอียดได้ทุกโทนเสียง ส่วนเบสจะออกแนวนุ่มๆ ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเบสหนักแบบตึบๆ
ภายในของ MTW2 จะมากับเทคโนโลยีเสียงที่ใส่ Dynamic Driver ขนาด 7 มม. ซึ่งตอบสนองความถี่ 5 – 21,000 Hz ส่วนไมโครโฟนจะตอบสนองที่ 100 Hz – 10 kHz ซึ่งจะมีไมโครโฟนแยกสำหรับการตัดเสียงรบกวนมาด้วย
ส่วนภายนอก MTW2 จะมากับเคสที่ใช้วัสดุเป็นผ้าบุอยู่ภายนอก โดยมีสัญลักษณ์ของ Sennheiser อยู่ด้านบน ด้านหลังเป็นพอร์ต USB-C สำหรับเสียบชาร์จเคสหูฟัง และปุ่มกด เพื่อดูสถานะของแบตเตอรี ขนาดของเคสจะอยู่ที่ 76.8 x 43.8 x 34.8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 70 กรัม
เมื่อเปิดฝาขึ้นมาจะพบกับหูฟัง MTW2 ที่เชื่อมต่อชาร์จกับเคสด้วยแม่เหล็กที่มีแรงดูดค่อนข้างสูง ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าหูฟังจะหลุดออกจากเคสได้เอง เพราะต้องใช้นิ้วคีบออกมาด้วยแรงพอสมควร ทั้งนี้บริเวณฝาจะมีแถบแม่เหล็กที่ใช้ปิดฝาเคสอยู่ และตัวอักษร Sennheiser ซ่อนอยู่ภายใน
ตัวหูฟังจะแยกซ้าย – ขวา อิสระจากกัน เชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยีบลูทูธ โดยที่หูบริเวณที่เป็นสัญลักษณ์ Sennheiser จะใช้เป็นปุ่มสัมผัสในการสั่งงานด้วย ถัดมาข้างๆ จะเป็นไมโครโฟนเพื่อรับเสียงจากภายนอก ถัดเข้ามาบริเวณด้านในจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการใช้งาน และไฟแสดงสถานะการเชื่อมต่ออยู่
สำหรับตัวจุกหูฟังแบบ In-Ears จะมีมาให้เลือก 4 ขนาด คือ XS S M L ที่ผู้ใช้สามารถเลือกเปลี่ยนได้ตามขนาดที่ต้องการ อีกจุดที่พัฒนาจากรุ่นแรกคือ การปรับขนาดของหูฟังให้เล็กลง โดยแต่ละข้างจะมีน้ำหนักเพียง 6 กรัมเท่านั้น
เรียนรู้การสัมผัสเพื่อสั่งงาน
ในการใช้งาน MTW2 สิ่งแรกที่ต้องทำเลยคือการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Smart Control มาติดตั้งบนสมาร์ทโฟน หลังจากนั้น หยิบหูฟังขึ้นมาใส่ แตะค้างที่หูฟังทั้ง 2 ข้าง 3 วินาที เพื่อเข้าสู่โหมดเชื่อมต่อบลูทูธ (Pairing) หลังจากนั้นทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
หลังจากเชื่อมต่อครั้งแรก ตัวแอปพลิเคชันจะขึ้นแจ้งเตือนให้ทำการอัปเดตเฟิร์มแวร์ครั้งแรก ที่จะใช้ระยะเวลาประมาณ 50 นาที โดยหลังจากกดอัปเดตให้ปล่อยหูฟังทิ้งไว้โดยไม่ต้องเก็บเข้าเคสชาร์จ เมื่ออัปเดตเสร็จแล้วค่อยหยิบมาใช้งาน
ทั้งนี้ ในการใช้งาน MTW2 จะใช้การสั่งงานผ่านระบบสัมผัสที่หูฟัง โดยค่ามาตรฐานที่ตั้งมา เมื่อสัมผัสหูฟังทางซ้าย 1 ครั้ง จะใช้เล่น/หยุดเพลง 2 ครั้ง เลื่อนไปเพลงถัดไป 3 ครั้งเพื่อเล่นเพลงก่อนหน้า แตะค้างเพื่อลดเสียง
ส่วนหูฟังขวา แตะ 1 ครั้งจะเรียกใช้งานผู้ช่วยส่วนตัว 2 ครั้งเปิดโหดมรับเสียงจากภายนอก และตัดสาย 3 ครั้ง เพื่อเปิดโหมดตัดเสียงรบกวน และแตะค้างเพื่อเพิ่มเสียง ทั้งนี้ ผู้ใช้สามารถเข้าไปตั้งการสั่งงานตามที่ต้องการได้ภายในส่วนตั้งค่าของแอปฯ บนสมาร์ทโฟน
สำหรับโหมดที่น่าสนใจบน MTW2 มีด้วยกัน 2 โหมดคือ โหมด Transparent Hearing ที่ช่วยให้ได้ยินเสียงรอบข้าง เนื่องจากหู MTW2 เป็นแบบ In-Ears ทำให้เวลาใส่ใช้งานจะไม่ได้ยินเสียงรอบตัวอยู่แล้ว ทำให้เวลาใส่ใช้งานในที่สาธารณะอาจจะเป็นอันตรายได้
นอกจากนี้ เพื่อให้การตัดเสียงทำได้ดีขึ้น MTW2 จึงได้เพิ่มฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนแบบ Active Noise Cancellation มาด้วย ด้วยการนำไมโครโฟน 2 ตัว รับเสียงภายนอกเพื่อนำมาตัดเสียง
ภายในหูฟัง และยังนำเทคโนโลยี Beamforming มาช่วยในการใช้ไมโครโฟนสนทนาให้คู่สายได้ยินชัดเจนขึ้น
MTW2 ยังเปิดให้ผู้ใช้สามารถตั้ง Equalizer ได้ด้วยตัวเองด้วย ในรูปแบบของกราฟให้เลือกว่าจะเพิ่มลด เสียง Bass และ Treble โดยหลังจากปรับแล้วสามารถบันทึกเก็บไว้ได้สูงสุด 9 รูปแบบ เรียกได้ว่าชอบเสียงรูปแบบไหนก็สามารถเซฟเก็บไว้แล้วมากดเปลี่ยนให้เหมาะกับเพลงที่ฟังได้เลย
ความฉลาดของ MTW2 ยังไม่หมด เพราะด้วยการที่ตัวหูฟังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการใส่ใช้งานมาด้วย ทำให้มีการเพิ่มฟีเจอร์อย่าง Smart Pause ที่จะหยุดเพลงทันทีที่ถอดหูฟังออก และกลับมาเล่นอัตจโนมัติเมื่อใส่กลับเข้ามา
ส่วนระยะเวลาในการใช้งาน MTW2 สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 7 ชั่วโมง และสามารถชาร์จกับเคสเพื่อฟังได้สูงสุด 28 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จจะใช้ระยะเวลา 1.5 ชั่วโมงเพื่อชาร์จจนเต็ม และกรณีที่ชาร์จ 10 นาที จะฟังได้ราว 1.5 ชั่วโมง
สรุป
เชื่อว่า Sennheiser Momentum True Wireless 2 จะกลายเป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเข้ามาตอบโจทย์การใช้งานหูฟังแบบ True Wireless ที่มาพร้อมการตัดเสียงรบกวน ทำให้สามารถโฟกัสกับเสียงเพลง จนถึงการทำงานได้ไม่ยาก
ใครที่กำลังมองหาหูฟัง True Wireless คุณภาพสูงอยู่ และงบประมาณไม่ได้จำกัดมากนัก เมื่อได้ลองรุ่นนี้จะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน