ตลาดโน้ตบุ๊กในกลุ่มองค์กรธุรกิจ ถือเป็นอีกกลุ่มที่ได้รับผลตอบรับในเชิงบวก จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้เกิดการทำงานจากที่บ้าน หรือการปรับเปลี่ยนองค์กรธุรกิจสู่โมบิลิตี้เพิ่มมากขึ้น
MSI ถือเป็นแบรนด์โน้ตบุ๊กที่สร้างชื่อเสียงจากบรรดาเกมเมอร์ จนได้รับความเชื่อมั่นในแง่ของประสิทธิภาพในการใช้งาน จึงได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กเพิ่มเติม เพื่อมาตอบโจทย์องค์กรธุรกิจที่มีความต้องการโน้ตบุ๊กคุณภาพ บนมาตรฐานความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับ
MSI Summit ถือเป็นซีรีส์ที่มาเจาะกลุ่มนักธุรกิจที่เน้นในแง่ของประสิทธิภาพในการประมวลผลจากตัวเลือกอย่าง 11th Gen Intel Core i5 และ Core i7 บนจอแสดงผลขนาด 15” นิ้ว ในดีไซน์เรียบหรู เหมาะกับระดับผู้บริหาร
โดย MSI Summit แบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อยหลักๆ คือ Summit B15 ที่เป็นโน้ตบุ๊กธุรกิจระดับพรีเมียมรุ่นเริ่มต้น ในราคา 35,990 บาท และ Summit E15 รุ่นท็อปที่มาพร้อมการ์ดจอแยก ในราคาเริ่มต้น 55,990 บาท
รู้จักซีรีส์ MSI Summit
สำหรับโน้ตบุ๊กในกลุ่มใช้งานทั่วไป และใช้สำหรับองค์กรธุรกิจของ MSI ปัจจุบัน จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือซีรีส์ Modern ที่เน้นเรื่องความบางเบา พกพาง่าย ใช้งานแบตเตอรีได้ยาวนาน ตามมาด้วยซีรีส์ Prestige ที่เน้นความเป็นพรีเมียม และประสิทธิภาพสูงเพิ่มขึ้นมา
ส่วนในซีรีส์ Summit จะเป็นโน้ตบุ๊กสำหรับองค์กรธุรกิจระดับมืออาชีพ ที่ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ในการเลือกใช้งานสินค้า จากแบรนด์ที่ได้รับความมั่นใจในแง่ของความแรง และประสิทธิภาพตัวเครื่องที่พร้อมช่วยให้การทำงานราบรื่น
ภายในซีรีส์ Summit จะมีโน้ตบุ๊กให้เลือกใน 2 รุ่น ในขนาดหน้าจอ 15 นิ้ว โดยมีตัวเลือกอย่าง Summit B15 ที่เป็นรุ่นเริ่มต้น และ Summit E15 ซึ่งเป็นรุ่นจบของซีรีส์นี้
ความแตกต่างหลักๆ ของ Summit B15 และ E15 จะอยู่ที่สเปกตัวเครื่อง ที่ควรเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะการทำงานมากกว่า ในรุ่นเริ่มต้นของ B15 จะมากับซีพียู Intel Core i5 และมีตัวเลือกให้เป็น Core i7 เพิ่มเติม แต่ในรุ่นนี้จะใช้เป็นกราฟิกการ์ด Intel Iris Xe
ในขณะที่ Summit E15 จะได้ความแรงในการใช้งานมากขึ้นด้วย Intel Core i7 ในซีรีส์ 1185G7 ที่ให้การประมวลผลแรงกว่า และยังมาพร้อมกับการ์ดจอแยก GeForce GTX 1650Ti with Max-Q Design ทำให้รองรับทั้งการทำงานทุกประเภท จนถึงนำมาเล่นเกมเพื่อคลายเครียดก็ได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เป็นโน้ตบุ๊กที่สามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้ ทำให้ลูกค้าในกลุ่มองค์กรธุรกิจ สามารถเลือกปรับสเปกบางส่วนอย่างการเลือกความละเอียดหน้าจอ เพิ่มฟีเจอร์การสัมผัสหน้าจอ รวมถึงการเพิ่มกล้องอินฟาเรด เพื่อใช้งานการปลดล็อกด้วยใบหน้าเพิ่มเติมได้ด้วย
สำหรับราคาจำหน่ายของ MSI Summit B15 เริ่มต้นที่ 35,990 บาท ในรุ่น Core i5 และ 38,990 บาท ในรุ่น Core i7 ในขณะที่ MSI Summit E15 จะเริ่มต้นที่ 55,990 บาท โดยตัวเครื่องจะมาพร้อมซองใส่โน้ตบุ๊ก และเมาส์ไร้สายให้ภายในกล่องด้วย
สำหรับ MSI Summit E15 / B15 ที่วางจำหน่ายในไทย แบ่งออกเป็น 3 รุ่นด้วยกันคือ
MSI Summit E15 A11SCST-219TH
CPU – Intel Core i7-1185G7
GPU – NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti Max-Q
Display – 15.6” FHD (1920 x 1080 พิกเซล) , Finger Touch Panel
RAM – DDR4 16 GB
SSD – NVMe 512 GB
ราคา – 55,990 บาท
MSI Summit B15 A11M-065TH
CPU – Intel Core i5-1135G7
GPU – Intel Iris Xe
Display – 15.6” FHD
RAM – DDR4 8 GB
SSD – NVMe 512 GB
ราคา – 35,990 บาท
MSI Summit B15 A11M-064TH
CPU – Intel Core i7-1165G7
GPU – Intel Iris Xe
Display – 15.6” FHD
RAM – DDR4 8 GB
SSD – NVMe 512 GB
ราคา – 38,990 บาท
ใช้งานสำหรับองค์กรธุรกิจ
เมื่อรูปแบบการทำงานเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมการเก็บข้อมูลอาจจะอยู่เฉพาะภายในบริษัท แต่ด้วยการทำงานในลักษณะของ Work From Home ทำให้พนักงานจำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลในองค์กรธุรกิจจากโน้ตบุ๊ก ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือการที่องค์กรธุรกิจ เลือกใช้งานโน้ตบุ๊กที่มาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัย
ภายใน MSI Summit ได้มีการนำระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลมาตรฐานองค์กรธุรกิจมาใช้งาน โดยเฉพาะการเข้ารหัสข้อมูลด้วย Trusted Platform Module (TPM 2.0) ที่ทำงานร่วมกับ Windows Hello ทั้งการสแกนใบหน้าจากกล้องอินฟาเรด และปลดล็อกเครื่องด้วยลายนิ้วมือ
นอกจากนี้ ยังมีไฟสัญลักษณ์แสดงการทำงานของกล้องเว็บแคม เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานรู้ตัวว่ากำลังเปิดใช้งานกล้องอยู่ จนถึงการล็อกการโอนถ่ายข้อมูลผ่านพอร์ต USB และ MicroSD Card ป้องกันข้อมูลรั่วไหล
ขณะเดียวกัน เพื่อดูแลผู้ใช้งานให้โน้ตบุ๊กทำงานได้ราบรื่นมากที่สุด MSI มีการติดตั้งโปรแกรมอย่าง MSI Center มาอำนวยความสะดวก ในการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ และไดรฟ์เวอร์ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
รวมถึงเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปตั้งค่าใช้งานตัวเครื่องอย่างง่ายๆ ทั้งการปรับแต่งประสิทธิภาพตัวเครื่องให้ใช้พลังงานอย่างเหมาะสม จนถึงปรับความสว่างหน้าจอ ความแรงพัดลม เพื่อให้ใช้งานเครื่องได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นอกเหนือจากซอฟต์แวร์ในการทำงานแล้ว MSI Summit ยังผ่านการรับรองมาตรฐานความทนทานทางทหาร (MIL-STD-810G) ที่สามารถป้องกันแรงกดอากาศ อุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป จนถึงป้องกันข้อมูลเมื่อเครื่องตกกระแทก ทำให้มั่นใจถึงความทนทานของตัวเครื่องได้
การออกแบบ
สำหรับดีไซน์ของ MSI Summit B15 และ Summit E15 ด้วยการที่วางตำแหน่งเป็นโน้ตบุ๊กธุรกิจระดับพรีเมียม วัสดุที่เลือกใช้จึงเป็นอะลูมิเนียมคุณภาพสูง นำมาเคลือบด้วยทรายละเอียด (Sandblasting) ทำให้สัมผัสตัวเครื่องที่ได้มีความหรูหรามากขึ้น
โดยขนาดของทั้ง B15 และ E15 จะอยู่ที่ 356.8 x 233.7 x 16.9 มิลลิเมตรเท่ากัน แต่น้ำหนักของ B15 จะอยู่ที่ประมาณ 1.6 กิโลกรัม ในขณะที่ E15 มีน้ำหนักของการ์ดจอ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.79 กิโลกรัม
ดีไซน์โดยรวมของทั้ง B15 และ E15 นั้นจะคล้ายคลึงกันทั้งหมด แต่จะมีจุดที่แยกได้ระหว่าง 2 รุ่นนี้ชัดเจนเลยคือ E15 จะมีการเดินขอบทัชแพดสีทอง และบริเวณข้อต่อพับหน้าจอ จะมีสัญลักษณ์ Summit สีทองอยู่ ในขณะที่ B15 จะเป็นสีดำล้วนทั้งหมด
ในส่วนของหน้าจอ B15 จะมากับจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด FHD ซึ่งเป็นจอแบบ IPS แสดงผลสี sRGB ใกล้เคียง 100% ส่วน E15 มีขนาดเท่ากัน แต่จะมีออปชันเพิ่มคือเลือกเป็นหน้าจอแบบสัมผัสได้ เพื่อให้การใช้งานสะดวกขึ้น
ด้านบนหน้าจอจะมีกล้องเว็บแคมความละเอียด HD มาให้ โดยรุ่น E15 จะพิเศษเพิ่มขึ้นตรงที่มีไฟแสดงสถานะการทำงานของกล้องเพิ่มขึ้นมา และเลือกปรับแต่งเป็นกล้องแบบอินฟาเรดเพื่อนำมาใช้ปลดล็อกด้วยใบหน้าได้
อีกรูปแบบการใช้งานที่เพิ่มขึ้นมาในซีรีส์ Summit คือผู้ใช้สามารถกางหน้าจอแบบ 180 องศา ได้ ทำให้สามารถเปิดหน้าจอแชร์ให้เพื่อนร่วมงาน หรือคู่ค้าทางธุรกิจเข้าถึงคอนเทนต์ได้เช่นเดียวกัน
ถัดลงมาในส่วนของคีย์บอร์ดทั้ง 2 รุ่นเลือกใช้คีย์บอร์ดขนาดมาตรฐาน พร้อมมีดีไซน์แบบ Ergonomic Lift ที่จะช่วยยกตัวเครื่องขึ้นเมื่อกางหน้าจอขึ้นมา ช่วยให้องศาเหมาะกับการพิมพ์มากขึ้น พร้อมช่วยระบายความร้อนไปในตัว
บริเวณปุ่มควบคุมของคีย์บอร์ดแถบบน จะมีการปรับแต่งให้เหมาะกับการทำงานมากขึ้น อย่างการเพิ่มปุ่มควบคุมพิเศษ อย่างการเปิดปิดกล้อง และไมโครโฟน รวมถึงมีไฟคีย์บอร์ดมาให้ใช้งานในที่แสงน้อยได้ด้วย
ในส่วนของพอร์ตเชื่อมต่อทั้ง Summit B15 และ E15 ถือว่าให้มาครบถ้วย ซึ่งมีจุดที่แตกต่างกันเล็กน้อย คือในรุ่น B15 ทางฝั่งซ้ายจะมีพอร์ตชาร์จไฟ DC มาให้ ตามด้วย HDMI USB-C USB 3.2 และช่องเสียบหูฟัง
ในขณะที่ E15 จะมีจะไม่มีพอร์ตชาร์จไฟ แต่ให้เป็น USB-C 2 พอร์ต ตามด้วยพอร์ต HDMI และช่องเสียบหูฟังแทน ส่วนทางขวาเป็นพอร์ต USB 3.2 2 พอร์ต และช่องอ่านไมโครเอสดีการ์ด ทั้ง 2 รุ่น
ด้วยการที่ Summit B15 / E15 มีทั้งพอร์ต HDMI และ USB-C ที่เป็น Thunderbolt 4 มาให้ ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับจอภาพได้ 2 จอพร้อมกัน ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับหน้าจอเวลานั่งทำงานในสำนักงาน หรือโฮมออฟฟิศก็ได้ด้วย
สเปก
ทั้งนี้ รุ่นที่นำมาทดสอบในคราวนี้จะมีทั้ง Summit B15 ที่มากับ Intel Core i7-1165G7 ให้ความเร็วสูงสุด 4.7 GHz การ์ดจอ Intel Iris Xe RAM 8 GB SSD 512 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro
ส่วน Summit E15 มากับ Intel Core i7-1185G7 4.8 GHz การ์ดจอ GeForce GTX 1650 Ti with Max-Q Design RAM 16 GB SSD 512 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro เช่นเดียวกัน
สำหรับการเชื่อมต่อรองรับ WiFi 802.11ax บลูทูธ 5.1 แบตเตอรรี Summit E15 เป็นแบบ 4 เซลล์ 82Whr ขณะที่ Summit B15 เป็นแบตเตอรี 52 Whr
ทดสอบประสิทธิภาพ
เร่ิมกันที่ Summit B15 ก่อน จะเห็นได้ว่า ประสิทธิภาพในการประมวลผล เพียงพอกับการใช้งานทั่วไปอยู่แล้ว เพราะตัวเครื่องมากับซีพียูระดับ Core i7 เพียงแต่ถ้ามีการทำกราฟิกขั้นสูงมากขึ้นหรือ 3D อาจจะเริ่มไม่ไหว เพราะไม่มีการ์ดจอแยกมา
ในขณะที่ Summit E15 ที่มากับ Core i7 และการ์ดจอแยก GeForce GTX 1650 Ti with Max-Q Design ทำให้ตัวเครื่องรองรับการใช้งานได้หลากหลายกว่า เหมาะกับการทำงานของครีเอเตอร์มืออาชีพที่สามารถนำไปใช้ในการตัดต่อ หรือทำกราฟิกได้ด้วย
ทั้งนี้ สเปกของเครื่องที่วางจำหน่าย กับที่ทีมงานได้รับมาทดสอบจะมีจุดที่แตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่ความสามารถโดยรวมจะใกล้เคียงกัน
สรุป
จากการแยกไลน์ผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กของ MSI มาจับกลุ่มนักธุรกิจระดับพรีเมียม ที่ต้องการโน้ตบุ๊กจอใหญ่ประสิทธิภาพสูง บนมาตรฐานความปลอดภัยในการใช้งาน ทำให้ MSI Summit ทั้งรุ่น B15 และ E15 เป็นรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานในองค์กรธุรกิจได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการความแรงในการใช้งาน รวมถึงระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องบนแบตเตอรี อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่รุ่นเริ่มต้นอย่าง Summit B15 ไม่ได้มีการใส่การ์ดจอมาให้ด้วย อาจจะมีข้อจำกัดในการใช้งานเมื่อเทียบกับ Summit E15 ที่ครบเครื่องมากกว่า แลกกับระดับราคาที่แตกต่างกันไป