ที่ผ่านมา ภาพของโน้ตบุ๊กเกมมิ่งส่วนใหญ่แล้วจะอยู่กับเครื่องที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ ตัวเครื่องหนาๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการประมวลผลเกมที่แรงๆ แต่ภาพนั้นเริ่มถูกทดแทนเข้ามาด้วยไลน์อัปผลิตภัณฑ์โน้ตุบุ๊กเกมมิ่งที่ทยอยเข้ามาทำตลาดในปีนี้
ROG Flow X13 ถือเป็นหนึ่งในเกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่มีความน่าสนใจหลายๆ อย่าง ไล่ตั้งแต่การเลือกนำ AMD Ryzen 9 มาใช้เป็นหน่วยประมวลผลหลัก พร้อมใส่การ์ดจอ NVIDIA GT1650 มาให้ใช้งาน ในขนาดตัวเครื่องที่มีความบางมากๆ และยังสามารถพับหน้าจอเพื่อใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
ROG Flow X13 จึงไม่ใช่แค่โน้ตบุ๊กเกมมิ่งเท่านั้น แต่ยังใช้เป็นแท็บเล็ต ใช้งานเพื่อความบันเทิง ไปจนถึงใช้ในการนำเสนองาน เพิ่มเติมจากความสามารถหลักคือการเป็นโน้ตบุ๊กเกมมิ่งประสิทธิภาพสูงที่พกพาได้ ในราคาเริ่มต้น 49,990 บาท
โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง 2-1
หนึ่งในความน่าสนใจของ ROG Flow X13 คือเรื่องของการออกแบบตัวเครื่องให้มีขนาดเล็ก พกพาง่าย ในขนาดหน้าจอ 13.4 นิ้ว และยังเป็นแบบ 2-1 ที่สามารถใช้งานได้ 4 รูปแบบด้วยกัน
นอกจากนี้ ดีไซน์ตัวเครื่องยังสื่อถึงความแรง ทั้งจากลายเส้นที่ฝาหลัง สัญลักษณ์ ROG ที่เป็นแบรนด์เกมเมอร์ที่ได้รับการยอมรับอยู่แล้ว ในสีแบบดำด้าน วัสดุตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมคุณภาพสูง ที่ให้สัมผัสตัวเครื่องแข็งแรง
ตัวเครื่อง ROG Flow X13 มีขนาดอยู่ที่ 299.4 x 222.9 x 15.75 มิลลิเมตร น้ำหนักประมาณ 1.3 กิโลกรัม ซึ่งถือว่ามีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก เมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กเกมเมอร์ทั่วไปในท้องตลาด
สำหรับรูปแบบการใช้งาน ROG Flow X13 ด้วยการที่เป็นตัวเครื่องแบบ 2-1 ทำให้สามารถตั้งใช้งานได้ 4 แบบ ไล่ตั้งแต่การใช้งานเป็นโน้ตบุ๊กปกติ พับหน้าจอเพื่อใช้งานเป็นแท็บเล็ต เพราะหน้าจอรองรับการทัชสกรีนอยู่แล้ว
หรือจะตั้งเครื่องในลักษณะของ Tent เพื่อใช้รับชมคอนเทนต์ต่างๆ หรือใช้เวลาเล่นเกม ที่ควบคุมผ่านจอยคอนโทรล การวางเครื่องในลักษณะนี้จะช่วยระบายความร้อนให้ดีขึ้นด้วย และสุดท้ายคือโหมดสำหรับพรีเซ็นต์ ที่วางตัวคีย์บอร์ดแนบไปกับพื้นราบ เพื่อนำเสนอหน้าจอในลักษณะของการพรีเซ็นต์งาน
เมื่อเปิดหน้าจอเครื่องขึ้นมาจะพบกับหน้าจอขนาด 13.4 นิ้ว โดยรุ่นที่วางจำหน่ายในไทยจะมากับความละเอียด WUXGA (1900 x 1200 พิกเซล) 120 Hz 100% sRGB ในอัตราส่วน 16:10 ส่วนเครื่องที่ทีมงานได้มาทดสอบจะเป็นรุ่นจอ UDH 60 Hz 116% sRGB ทื่ให้จอแสดงผลได้คมชัดอย่างน่าสนใจ
ในส่วนของแป้นคีย์บอร์ด จะมีการแยกปุ่มลัดที่สำคัญๆ อย่างการปรับเพิ่มลดเสียง ปิดไมค์ และเรียกใช้งาน Armory Crate ที่เป็นโปรแกรมไว้ควบคุมประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องขึ้นมา ตัวไฟคีย์บอร์ดยังเลือกปรับการแสดงผลได้ ว่าจะให้ติดค้างไว้ หรือกระพริบเป็นจังหวะต่างๆ
นอกจากนี้ ในส่วนของคีย์บอร์ดที่ให้มายังเป็นไซส์มาตรฐานเทียบเท่าโน้ตบุ๊กขนาดจอ 15 นิ้ว และมีปุ่มลัดให้เรียกใช้งานคีย์ Fn ในการควบคุมพัดลมระบายอากาศเพิ่มขึ้นมา อย่างไรก็ตาม จุดที่น่าเสียดายคือส่วนของปุ่มลูกศรที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก และทัชแพดที่เล็กตามขนาดของตัวเครื่อง
พอร์ตเชื่อมต่อครบ
อีกความน่าสนใจของ ROG Flow X13 คือเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อ ที่ให้มาอย่างน่าสนใจ ไไล่จากทางฝั่งซ้ายตัวเครื่อง ที่มียางซึ่งมีสัญลักษณ์ของ ROG ปิดพอร์ตอยู่ คือตำแหน่งของพอร์ตเชื่อมต่อ eGPU คู่กับ USB-C เพื่อใช้ในการจ่ายไฟ (สามารถใช้เป็นพอร์ต USB-C ปกติได้ 1 พอร์ต) พอร์ต HDMI และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
ทางฝั่งขวา จะมีช่องเสียบ USB-C ให้อีก 1 พอร์ต และ USB 3.2 Type A อีก 1 พอร์ต รวมถึงปุ่มเปิดเครื่อง ที่มีการฝั่งเซ็นเซฮร์สแกนลายนิ้วมือเข้าไปด้วย ทำให้สามารถปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสแกนลายนิ้วมือของ Windows Hello ได้
ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สาย ตัวเครื่องมากับ WiFi 6 บลูทูธ 5.1 เรียกได้ว่าให้มาครบถ้วนสำหรับโน้ตบุ๊กระดับไฮเอนด์รุ่นนี้
ในกรณีที่เลือกซื้อ ROG Flow X13 Supernova Edition ROG XG Mobile ที่มาพร้อมตัว eGPU จะเพิ่มพอร์ตเชื่อมต่อทั้ง USB 3.2 Type A อีก 4 พอร์ต ช่องอ่านการ์ด พอร์ต HDMI พอร์ต Display 1.4 และ Gigabit Ethernet เพิ่มเข้ามา พร้อมกับอะเดปเตอร์ไฟขนาด 280W เพื่อให้รองรับการประมวลผลระดับสูงได้อย่างเต็มที่
ขุมพลัง AMD Ryzen 9
สำหรับจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของเครื่องรุ่นนี้ คงหนีไม่พ้นการเลือกนำ AMD Ryzen 9 มาใช้งานกับโน้ตบุ๊กขนาดจอ 13.4 นิ้ว รุ่นนี้ เพราะถือเป็นรุ่นแรกๆ ที่นำซีพียูรุ่นนี้มาใช้งาน
โดยความสามารถในการประมวลผลของ Ryzen 9 ร่วมกับการ์ดจอออนบอร์ด Vega 8 ที่ให้มาก็ถือว่าแรงเทียบเท่ากับการ์ดจอแยกหลายๆ รุ่นแล้ว การเลือกใส่ NVIDIA GT1650 มาให้ในเครื่อง ก็ยิ่งทำให้โน้ตบุ๊กรุ่นนี้ รองรับการเล่นเกมได้ครอบคลุมมากที่สุด
ในแง่ของการประมวลผล ต้องยอมรับว่า AMD Ryzen 9 ถือว่าเป็นซีพียูระดับท็อปที่สุดในเวลานี้ แต่ก็แลกมากับเรื่องของการใช้พลังงานที่ค่อนข้างสูง ทำให้เมื่อเปิดโหมดประสิทธิภาพสูง (Performance) ใช้งานแบตเตอรีจะหมดภายในเวลาชั่วโมงกว่าๆ
แต่ถ้าใช้งานในโหมดประหยัดพลังงาน ก็จะยืดระยะเวลาใช้งานออกไปได้ สำหรับการใช้ท่องเว็บ พิมพ์งานเอกสาร หรือดูภาพยนต์ ระดับ 6-7 ชั่วโมง ที่น่าสนใจก็คือตัวเครื่องมากับอะเดปเตอร์ 100W ที่มีขนาดเล็ก รองรับการชาร์จเร็ว 50% ภายในเวลา 30 นาทีด้วย
ส่วนถ้าต้องการเรียกใช้ประสิทธิภาพสูงสุดของตัวเครื่อง ในโหมด Turbo จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับอะเดปเตอร์ถึงจะเลือกใช้งานโหมดนี้ได้ ซึ่งจะทำให้การประมวลผลแรงขึ้นไปอีก จนรองรับการเล่นเกมได้ทุกเกมในเวลานี้
ในแง่ของการระบายความร้อน ต้องยอมรับว่าระบบพัดลมคู่ที่ให้มาช่วยให้ตัวเครื่องระบายความร้อนได้ค่อนข้างดี ผู้ใช้สามารถเลือกระดับความแรงของพัดลมได้ ในกรณีที่ต้องการใช้งานในโหมดเงียบก็สามารถทำได้
แต่ถ้าใช้งานเครื่องพนักๆ พัดลมระบายความร้อนก็จะมีเสียงดังขึ้นอย่างชัดเจน แลกมากับการระบายความร้อนของตัวเครื่อง ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง
Armoury Crate ปรับแต่งเครื่อง
ในส่วนของซอฟต์แวร์การจัดการเครื่องที่ให้มาอย่าง Armoury Crate ถือว่าใช้งานง่ายมากๆ เหมาะกับสายฮาร์ดคอร์ที่ต้องการข้อมูลการใช้งานทรัพยากรของเครื่องต่างๆ
โดยภายในจะมีให้เลือกทั้งการปรับโหมดใช้งาน แสดงผลสัญญาณนาฬิกาในการประมวลผลของซีพียู การ์ดจอ หน่วยความจำ ที่สามารถดูอุณหภูมิ และพลังงานที่ใช้ได้ จนถึงการเข้าไปตั้งค่าปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละโปรแกรมที่เรียกใช้ด้วย
ทดสอบประสิทธิภาพ
ด้วยการที่ตัวเครื่องมากับ AMD Ryzen 9 พร้อม NVIDIA GeForce GT1650 ทำให้รองรับการเล่นเกมส่วนใหญ่ในท้องตลาเวลานี้ได้อยู่แล้ว ซึ่งในกรณีที่ใช้งานปกติ ไม่ได้ประมวลผลหนักๆ ตัวเครื่องจะเลือกใช้การ์ดจอออนบอร์ดที่เป็น Radeon Vega 8 ที่ประหยัดพลังงานมากกว่าการ์ดจอแยก ซึ่งก็รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบาย จนถึงการรับชมภาพยนต์ระดับ 4K ได้ลื่นไหล
ในกรณีที่เล่นเกม แล้วต้องการประสิทธิภาพสูงอย่างโหมด Turbo ที่ต้องเสียบใช้งานคู่กับอะเดปเตอร์ ก็จะช่วยให้ตัวเครื่องแรงขึ้นไปอีก ทำให้ ROG Flow X13 มาตอบโจทย์การเล่นเกม และพกพาได้อย่างน่าสนใจ หรือถ้าพกไปใช้ทำงานก็จะใช้งานได้ราว 6-7 ชั่วโมง ก็เพียงพอแล้ว
รุ่นที่วางจำหน่ายในไทย
สำหรับ ROG Flow X13 รุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทย จะมีเฉพาะรุ่นที่ใช้หน้าจอ 13.4 นิ้ว แบบ WUXGA 120 Hz ซีพียู AMD Ryzen 9 5980HS การ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 4 GB RAM 16 GB พื้นที่เก็บข้อมูล SSD 1 TB ในราคา 49,990 บาท และมีรุ่น Supernova ที่มาพร้อม ROG XG Mobile เพิ่มการ์ดจอเป็น NVIDIA RTX 3080 ในราคา 99,990 บาท
สรุป
ใครที่กำลังมองหาเกมเมอร์โน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูง หรือโน้ตบุ๊กขนาดพกพาง่าย ที่รองรับการใช้งานได้อย่างเต็มที่ ROG Flow X13 ในรุ่น 49,990 ถือว่าทำราคามาได้น่าสนใจ เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีที่ให้มา
ส่วนถ้าใครงบเหลือๆ แล้วต้องการโน้ตบุ๊กที่สุดจริงๆ สามารถนำไปต่อกับจอภายนอกเพื่อเล่นเกมได้สบายๆ Supernova Edition ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะตัว ROG XG Mobile ที่มากับ RTX 3080 ถือว่าสุดมากๆ สำหรับเกมมิ่งโน้ตบุ๊กในเวลานี้