หลังจากได้รับการตอบรับจากตลาด Wearable Device ในส่วนของอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวใน Garmin Vivo Fit ไปแล้ว การ์มิน ก็ไม่รอช้าที่จะนำผลิตภัณฑ์ที่นำเสียงตอบรับจาก Vivo Fit ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเดียวกันอย่าง Vivo Smart
จุดเด่นของ Vivo Smart ยังคงเป็นเช่นเดียวกับ Vivo Fit คือ กันน้ำ ทำให้ผู้ใช้สามารถใส่ใช้งานติดตัวได้ตลอดเวลา แม้ขณะว่ายน้ำ แตกต่างจากอุปกรณ์ชนิดเดียวกันของแบรนด์อื่นๆในท้องตลาดที่ส่วนใหญ่จะไม่สามารถกันน้ำได้
เท่านั้นยังไม่พอ Vivo Smart ยังเพิ่มความสามารถในการแสดงผลการแจ้งเตือนต่างๆจากสมาร์ทโฟน ที่ซิงค์อยู่มายังข้อมือได้ทันที เพื่อเปิดอ่านข้อความ อีเมล หรือดูว่ามีสายเรียกเข้าจากใคร รวมถึงใช้เป็นรีโมทควบคุมเครื่องเล่นมัลติมีเดีย และแสดงผลอื่นๆได้ด้วย แต่ก็มีข้อที่ทำได้ไม่ดีเท่า Vivo Fit คือเรื่องของแบตเตอรี ที่จากเดิมใช้งานได้เป็นปี กลับต้องเปลี่ยนมาชาร์จทุกๆ 5-7 วัน
การออกแบบและสเปก
เนื่องด้วยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อใส่ติดไว้ที่ข้อมือตลอดเวลา จึงมีการออกแบบให้เหมือนสายคาดพลาสติกสีดำเรียบๆ ไม่มีลวดลายมากนัก ซึ่งในเวลาปกติที่ไม่ใช้งานหน้าจอก็จะไม่มีการแสดงผลอะไรเลย ทำให้ดูเหมือนใส่สายรัดข้อมือเฉยๆ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าการ์มินจะไม่คำนึงถึงด้านแฟชันเลย เพราะลวดลายของสายจริงๆจะอยู่ภายในที่มีให้เลือกด้วยกันหลายสีทั้ง ชมพู ม่วง ฟ้า เทา และดำ มีให้เลือกด้วยกัน 2 ขนาด คือ เล็ก (127 – 172 มม.) น้ำหนัก 18.7 กรัม และใหญ่ (155 – 221 มม.) น้ำหนัก 19 กรัม
มาดูกันที่หน้าจอแสดงผล จะมีขนาด 1.35 นิ้ว x 0.14 นิ้ว (34.4 x 3.5 มม.) ความละเอียด 128 x 16 พิกเซล โดยเป็นจอแบบ OLED ทำให้สามารถแสดงผลในเวลากลางคืนได้ ไม่เหมือนกับ Vivo Fit ที่ไม่สามารถดูในเวลากลางคืนได้
ในส่วนของตัวล็อก จะมีล็อกเป็น 2 ชั้น กล่าวคือ มีทั้งล็อกจากที่ปลายสาย และอีกจุดหนึ่งคือที่ล็อกสายที่ภายในจะมีตุ่มล็อกกับช่องเพื่อขยับสายเพื่อให้รัดเข้ากับข้อมือได้พอดีที่สุด ที่สำคัญคือสามารถใส่ได้ด้วยมือข้างเดียว ไม่ลำบากจนเกินไป
เมื่อหงายบริเวณจอแสดงผลขึ้นมาดูข้างหลัง ก็จะมีตัวอักษรระบุชื่อรุ่น Vivo Smart สัญลักษณ์การเชื่อมต่อบลูทูธ รองรับการเชื่อมต่อแบบ ANT+ และมาตรฐานต่างๆ พร้อมกับจุดที่เป็นตัวเชื่อมกับหัวของสายชาร์จ
โดยในการชาร์จจะใช้หัวของสายชาร์จหนีบเข้าไปที่ตัว Vivo Smart ถ้าข้อต่อสัมผัสกันบนหน้าจอก็จะขึ้นว่า ‘Entering Charge Mode’ โดยสามารถใช้กับอะแดปเตอร์ที่เป็นพอร์ตยูเอสบีทั่วไป หรือจะเสียบชาร์จกับคอมพิวเตอร์ก็ได้เช่นเดียวกัน
ฟีเจอร์เด่น
อย่างที่เกริ่นไปแต่ต้นว่า Vivo Smart ถือเป็นรุ่นที่ต่อยอดของ Vivo Fit จึงทำให้ยกความสามารถต่างๆของ Fit มาหมด ไม่ว่าจะเป็นการนับก้าวเดิน ตั้งเป้าหมายการเดินในแต่ละวัน วัดระยะทาง ปริมาณแคลอรีที่เผาผลานไป ตรวจสอบการเคลื่อนไหว (เตือนเมื่อไม่มีการเคลื่อนไหวในระยะเวลาหนึ่ง) บันทึกการนอน และการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Garmin Connect บนสมาร์ทโฟน
ดังนั้น มาดูกันถึงความสามารถที่เพิ่มมาของ Vivo Smart กันบ้าง เริ่มกันจากตัว Smart Notification โดยเมื่อทำการเชื่อมต่อ Vivo Smart เข้ากับสมาร์ทโฟนแล้ว ตัว Smart ก็จะทำหน้าที่แจ้งเตือนข้อมูลต่างๆจากสมาร์ทโฟน เข้ามายังข้อมือทันที ไม่ว่าจะเป็นสายเรียกเข้า ข้อความ อีเมล รวมไปถึงการแจ้งเตือนจากโซเชียลเน็ตเวิร์กด้วย
ถัดมา เนื่องจากในตัว Smart รองรับการเชื่อมต่อ ANT+ ทำให้สามารถใช้การเชื่อมต่อคู่กับสมาร์ทโฟน เพื่อแสดงผลอัตราการเต้นของหัวใจ และจะรวมไปถึงประโยชน์จากการใช้อุปกรณ์ออกกำลังกายอื่นๆ อย่างการวัดรอบขา การวัดความเร็วการปั่นจักรยาน จากอุปกรณ์ของการ์ฒิน ก็สามารถนำมาแสดงผลได้
นอกจากนี้ ก็ยังมีความสามารถอย่างการใช้เป็นรีโมทควบคุมเครื่องเล่นเพลง สำหรับผู้ที่ใช้ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ก็ไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา แต่สามารถสัมผัสเพื่อเปลี่ยนเพลงจากข้อมือได้ทันที หรือ การใช้ร่วมกับกล้อง VIRB ที่ใช้ Vivo Smart เป็นตัวควบคุมได้เช่นเดียวกัน
มาถึงในส่วนของวิธีการใช้งาน Vivo Smart สามารถแตะเรียกการแสดงผลหน้าจอด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ 2 ที หรือสามารถเข้าไปตั้งได้ว่าให้หน้าจอติดอัตโนมัติเมื่อยกแขนขึ้นมาดูเวลา โดยใช้หลักการปาดเลื่อนซ้าย-ขวา เพื่อสลับหน้าจอแสดงผล ตั้งแต่เวลา การแจ้งเตือน ปุ่มควบคุมเครื่องเล่น ระยะทาง แคลรอรี ก้าวเดิน และเป้าหมาย
อีกส่วนหนึ่งคือเข้าไปสู่หน้าการตั้งค่า ด้วยการสัมผัสค้างที่หน้าจอ เพื่อเข้าไปเลือกโหมดการใช้งานว่า จะให้จับการออกกำลัง โหมดการนอน ตั้งความสว่างหน้าจอ ตั้งค่าการแจ้งเตือน ระบบการค้นหาโทรศัพท์ การซิงค์ข้อมูล การเชื่อมต่อบลูทูธ ตั้งเวลา (เลือกตั้งเองหรือให้ซิงค์เวลากับมือถือ) และดูรายละเอียดต่างๆ อย่างเฟิร์มแวร์ที่ใช้ สถานะแบตเตอรี
ทีนี้มาดูกันภายใน Garmin Connect ที่เป็นแอปภายในสมาร์ทโฟนบ้าง หลังจากติดตั้งแอป และทำการเชื่อมต่อบลูทูธ เข้ากับตัว Vivo Smart แล้ว ผู้ใช้สามารถเข้าไปดูรายละเอียดของ ปริมาณก้าวเดิน ระยะเวลาการนอน รวมไปถึงกิจกรรมการออกกำลังกายต่างๆ ที่สามารถบันทึกรายละเอียดได้ด้วยตนเองภายในแอปพลิเคชัน
หรือการกดเข้าไปตั้งค่าต่างๆของ Vivo Smart ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกหน้าจอที่จะให้แสดงผล ตั้งแนวแสดงผล (แนวตั้ง, แนวนอน) เลือกการแสดงผลหน้าแรกสุด และตั้งเวลาให้กลายเป็นนาฬิกาปลุก
สิ่งต่างๆเหล่านี้คือรายละเอียดสำคัญๆของ Vivo Smart ไม่นับไปกับความสามารถอื่นๆอย่างการกันน้ำ ที่ผู้ใช้สามารถใส่แช่น้ำได้ ในขณะที่เมื่อมีการเปลี่ยนรูปแบบการสั่งงานเป็นหน้าจอสัมผัส ส่งผลให้ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องอยู่ที่ราว 5-7 วัน
ส่วนการเก็บข้อมูล ทางการ์มินระบุว่า ตัว Vivo Smart สามารถบันทึกข้อมูลทั่วไปได้ราว 4 สัปดาห์ แต่ถ้ามีการใช้งานร่วมกับเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ หรืออุปกรณ์อื่นๆ วันละ 1 ชั่วโมง จะบันทึกข้อมูลได้ราว 3 สัปดาห์
สรุป
ถ้ามองกันที่ความสามารถทั่วไปของ Vivo Smart ต้องยอมรับว่าไม่แตกต่าง Wearable Device ที่เป็น Tracker ตัวอื่นๆมากนัก เพียงแต่จะมีจุดเด่นเพิ่มเข้ามาคือเรื่องของการแสดงผลอุปกรณ์เสริมตัวอื่นๆ อย่างการวัดอัตราการเต้นหัวใจ ความเร็วรอบขาในการปั่นจักรยานเพิ่มเข้ามา เพื่ออำนวจความสะดวกในการใช้งาน
แน่นอนว่าจะคุ้มค่ากับผู้ที่ใช้อุปกรณ์เสริมอื่นๆของการ์มินอยู่แล้ว ที่จะใช้งานร่วมกันภายใต้ Garmin Connect ที่เป็นศูนย์กลางของอุปกรณ์เสริมทุกชนิดของการ์มินในแง่ของการออกกำลังกาย และสุขภาพก็ว่าได้ เพียงแต่ด้วยระดับราคาที่ 6,590 บาท อาจทำให้ตัดสินใจลำบากสักหน่อย กับอุปกรณ์ที่ติดข้อมือตลอดระยะการใช้งานนี้
นอกจากนี้ ด้วยความที่ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้ติดไปกับสาย ทำให้อาจมีปัญหาในกรณีที่สายขาด ไม่สามารถซื้อมาเปลี่ยนใหม่ง่ายๆเหมือนกับ Vivo Fit แต่อาจจะต้องนำเข้าศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนสายใหม่แทน
[usrlist “การออกแบบ:9” “สเปก/ฟีเจอร์เด่น:9” “ความสามารถโดยรวม:9” “ความคุ้มค่า:9″ avg=”true”]
.