หลังจากปล่อยให้ผู้บริโภครอกันมาสักพัก ในการเข้าถึงนวัตกรรมของสมาร์ทโฟนที่จะกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในยุคต่อไป ล่าสุด Samsung นำ Galaxy Fold เข้ามาเปิดจองในไทยแล้ว ก่อนเริ่มทยอยส่งมอบในวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา ในราคา 69,900 บาท
ความน่าสนใจของ Galaxy Fold อาจจะไม่ได้อยู่ที่ความสมบูรณ์แบบในการใช้งาน เพราะถือว่าเป็นเครื่องรุ่นแรก ที่เปรียบเหมือนรุ่นทดลอง ที่ทำออกมาให้ผู้บริโภคได้เห็นภาพ ถึงประสบการณ์ในการใช้งานสมาร์ทโฟนจอพับ ที่จะกลายเป็นหนึ่งในเทรนด์สำคัญในอนาคต
อินเตอร์เฟสการใช้งานที่ลื่นไหล
สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ว่าจะเป็นแนวคิดใหม่ในการทำสมาร์ทโฟนจอพับ แต่ซัมซุง ได้ทำงานร่วมกับกูเกิล (Google) เป็นอย่างดี ในการออกแบบ ยูสเซอร์อินเทอร์เฟส (User Interface) การทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android ให้ไร้รอยต่อ (App Continuity)
ที่บอกว่าไร้รอยต่อคือ ผู้บริโภคต้องคาดหวังว่าเมื่อหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาใช้งาน ในกรณีที่ใช้งานจอเล็กในขณะที่พับเครื่องอยู่นั้น เมื่อกางออกมาเป็นจอใหญ่เพื่อใช้งาน จะต้องมีความต่อเนื่อง ที่พร้อมให้ทำงานต่อได้ทันที
ในเรื่องของประสบการณ์ใช้งานตรงนี้ ซัมซุง ทำออกมาได้น่าพอใจ เพราะเท่าที่ทดสอบใช้งานหลายๆ แอปพลิเคชัน ทั้งบริการต่างๆ ของ กูเกิล เซอร์วิส แอปโซเชียลมีเดียต่างๆ สามารถทำงานร่วมกันระหว่างพับจอ และกางจอได้เป็นอย่างดี
อีกจุดที่ทำได้ดีคือเรื่องของการเปิดใช้งานหลายๆ หน้าจอ เพราะด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ใกล้เคียงกับแท็บเล็ต ทำให้เวลาใช้งาน ทำให้รองรับการเปิดใช้งาน 3 แอปในเวลาเดียวกัน ที่ซัมซุงเรียกว่า Multi-Active Window
เพียงแต่ว่าแอปที่รองรับการทำงานพร้อมๆ กันในเวลานี้ยังมีไม่มากนัก ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นแอปที่รองรับการใช้งาน App Pair หรือการเปิดใช้แอปคู่ที่ซัมซุงนำมาใช้กับ Galaxy S และ Galaxy Note ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว
ในส่วนของการใช้งาน ถือว่าต้องปรับตัวกันพอสมควร เพราะกลายเป็นว่าหน้าจอขณะที่ยังไม่กางออก เวลาใช้งานก็จะรู้สึกเล็กเกินไป เนื่องจากชินกับหน้าจอขนาดใหญ่ ประกอบกับการเว้นพื้นที่ส่วนบน และล่างหน้าจอไว้ด้วย
ส่วนบางกรณีที่ใช้งานเครื่องมือเดียว แล้วต้องการกางหน้าจอออกเพื่อใช้งานต่อ จะต้องมีเทคนิคเล็กน้อยคือการใช้นิ้วสอดเข้าไปเพื่อกางเครื่องออก แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ขูดโดนหน้าจอด้วย เพราะด้วยการที่ทำให้จอพับได้วัสดุที่ใช้สำหรับจอภายในจึงเป็นพลาสติก ไม่ใช่กระจกเหมือนด้านนอก
เร่งสื่อสารวิธีการใช้งาน
อีกหนึ่งสิ่งที่ซัมซุงต้องทำเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับตัวหน้าจอพับได้ คือการสื่อสารถึงวิธีการใช้งานที่ถูกต้อง เนื่องจาก Galaxy Fold มากับหน้าจอพับได้ที่ซัมซุงเรียกว่าInfinity Flex Display ซึ่งมีความแตกต่างจากหน้าจอปกติที่ใช้งานกันในสมาร์ทโฟนทั่วไป เนื่องจากไม่มีกระจกครอบหน้าจอแต่ใช้เป็นแผ่นฟิล์มที่มีความยืดหยุ่นได้แทน
ด้วยเหตุนี้เวลาใช้งาน สิ่งที่ต้องระวังเลยคือการนำของแข็ง หรือวัสดุปลายแหลมเข้าไปสัมผัสที่หน้าจอ เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายได้ หรือแม้แต่ถ้ามีเม็ดทราย หรือฝุ่นแข็งขนาดเล็กเข้าไปติดกับขอบจอก็ทำให้เกิดรอยได้เช่นกัน
รวมถึงในการพับหน้าจอ วิธีการพับที่ถูกต้องคือใช้นิ้วดันบริเวณขอบข้อพับของตัวเครื่อง ไม่ควรดันที่ตัวหน้าจอโดยตรง เพราะจะเป็นการกดที่หน้าจอที่มีความอ่อนตัวอยู่ ส่วนวิธีการกางหน้าจอใช้งานทำได้ตามปกติ
สำรวจรายละเอียดของ Galaxy Fold เบื้องต้น
รายละเอียดหลักๆ ของ Samsung Galaxy Fold ที่เป็นสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรกของโลก จะมากับ 2 หน้าจอหลักๆ ให้ใช้งานคือ หน้าจอด้านนอกที่มีขนาด 4.6 นิ้ว (1680 x 720) ไว้ใช้ในกรณีที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ บนสมาร์ทโฟน หรือในจังหวะการใช้งานทั่วๆไป
อีกหน้าจอคือเมื่อกางฝาพับออกมาที่จะเป็นจอขนาด 7.3 นิ้ว QXGA+ (2152×1536) ที่ซัมซุง มีการนำเครื่องล็อตแรกกลับไปปรับปรุง เพื่อให้หน้าจอมีความทนทานมากขึ้น จนทำให้เลื่อนระยะเวลาจำหน่ายออกมาเป็นช่วงปลายเดือนกันยายนแทน
รายละเอียดอื่นๆ ที่สำคัญก็จะมีอย่างกล้องที่ให้มาด้วยกันทั้งหมด 6 กล้องคือ กล้องหน้า
ขณะที่พับเครื่องอยู่ 1 เลนส์ (10 ล้านพิกเซล) กล้องหลัง 3 เลนส์ (16+12+12 ล้านพิกเซล ที่ใช้เลนส์ชุดเดียวกับ S10 และ Note10) และกล้องหน้าขณะที่กางหน้าจออีก 2 เลนส์ (10 ล้านพิกเซล และเลนส์ RGB 8 ล้านพิกเซล)
รวมๆแล้ว ขนาดของตัวเครื่องเมื่อพับ จะอยู่ที่ 62.8 x 160.9 x 15.7-17.1 มิลลิเมตร และเมื่อกางออกจะอยู่ที่ 117.9 x 160.9 x 6.9-7.6 มิลลิเมตร น้ำหนัก 276 กรัม
ส่วนภายในจะให้แบตเตอรีขนาด 4,380 mAh มาใช้งาน คู่กับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 855 โดยตัวเครื่องที่ทำตลาดในไทยจะรองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE เท่านั้น ไม่ได้นำรุ่น 5G เข้ามาจำหน่าย
ใครที่เหมาะกับ Galaxy Fold
ด้วยระดับราคาที่เปิดตัวมาเฉียด 7 หมื่นบาท อาจจะทำให้ใครหลายคนมองว่าเป็นสมาร์ทโฟนราคาแพง แต่ถ้าเป็นผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี อยู่ในกลุ่ม Early Adopter เชื่อว่า Samsung Galaxy Fold จะเหมาะกับการใช้งานแน่นอน
เพราะนอกจากจะได้ลองของใหม่ที่เป็นนวัตกรรมจริงๆ ของสมาร์ทโฟนในยุคนี้แล้ว การพกสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว แต่ใช้งานแทนแท็บเล็ตได้ด้วย ถือเป็นของแถมทำให้การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลสะดวกขึ้น แต่แน่นอนว่า Samsung Galaxy Fold ไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะถ้าไม่ได้มีกำลังซื้อ หรือไม่ได้รีบร้อนที่อยากได้มาใช้งาน การรอรุ่นต่อไปที่สมบูรณ์แบบมากกว่านี้ น่าจะเป็นคำตอบสำหรับใครหลายๆ คน
ดังนั้น จึงกลายเป็นว่าถ้ามีโอกาสได้ลองสัมผัส หรือลองเล่น Samsung Galaxy Fold ก็อย่าพลาดลอง และเก็บมาเป็นประสบการณ์ในการใช้งาน เพราะสิ่งนี้จะกลายเป็นเทรนด์ของสมาร์ทโฟนในอนาคตอย่างแน่นอน