ปีนี้เป็นปีที่ซัมซุงขอพักเรื่องนวัตกรรมและการออกแบบใหม่ๆไว้และหันมาปรับสมดุลสมาร์ทโฟนแฟลกชิป Samsung Galaxy S7/S7 edge ให้มีความสมบูรณ์จากรุ่นก่อนมากขึ้น โดยเฉพาะการที่ซัมซุงยอมรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ใช้ในรุ่น Galaxy S6/S6 edge และนำมาปรับปรุงพัฒนาใหม่เพื่อหวังจะดันให้สมาร์ทโฟนแฟลกชิปรุ่นที่ 7 กลายเป็นสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy จอโค้งรุ่นที่ถูกใจผู้ใช้งานมากที่สุด
นอกจากนั้นสำหรับแฟนๆ Galaxy Note ที่กำลังรอรุ่นใหม่ของปีนี้ ก็น่าจะคาดเดาสเปกจากการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นใน Galaxy S7/S7 edge ซึ่งเป็นรุ่นต้นแบบได้
การออกแบบ
สำหรับ Galaxy S7 รุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบจะเป็นรุ่นหน้าจอโค้งทั้งซ้ายและขวา (Dual edge Screen) ซึ่งถ้าเทียบกับรุ่น S6 edge และ S6 edge+ จะเห็นว่ารูปร่างหน้าตาแทบไม่แตกต่างกัน โดยขนาดตัวเครื่อง S7 edge จะอยู่ที่ 150.9 x 72.6 x 7.7 มิลลิเมตร จัดอยู่ระหว่างกลาง S6 edge และ S6 edge+ ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 157 กรัม
ด้านจอภาพยังคงใช้ Super AMOLED ส่วนขนาดจอภาพเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมเป็น 5.5 นิ้ว (S7 รุ่นปกติ 5.1 นิ้ว) บนความละเอียดหน้าจอ Quad HD 1440 x 2560 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซล 534 พิกเซลต่อตารางนิ้ว (S7 ปกติ 557 พิกเซลต่อตารางนิ้ว) พร้อมกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f1.7 ระยะเลนส์มุมกว้างพิเศษ 22 มิลลิเมตร
ถัดลงมาด้านล่างใต้จอภาพจะเห็นว่า ตรงกลางเป็นปุ่มโฮมและเป็นที่อยู่ของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือขนาบข้างด้วยปุ่มสัมผัสสั่งงานพร้อมไฟส่องสว่าง ได้แก่ ด้านซ้าย ปุ่มเรียก Recent Apps และสามารถกดค้างไว้เพื่อเรียก Multitask ด้านขวาปุ่มย้อนกลับ
มาดูด้านหลัง ซัมซุงออกแบบใหม่ให้ขอบทั้งสองข้างโค้งเหมือนกับด้านหน้า (S6 edge ขอบจอด้านหลังจะเรียบ) เพื่อสัมผัสที่ลื่นไหลเป็นชิ้นเดียวกันมากขึ้น
โดยวัสดุด้านหลังและส่วนหน้าจอจะยังคงเป็นกระจก Corning Gorilla Glass 4 ทั้งคู่เหมือนรุ่นที่แล้ว
นอกจากนั้นในส่วนเลนส์กล้องถ่ายภาพด้านหลังยังถูกออกแบบใหม่ให้หน้าเลนส์มีความบาง 0.46 มิลลิเมตร ทำให้เลนส์ไม่นูนออกมาเหมือน Galaxy S6 แล้ว พร้อมปรับรูรับแสงให้กว้างขึ้น จากเดิม f1.9 เป็น f1.7 และในส่วนของเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจยังคงติดตั้งมาในตำแหน่งข้างเลนส์กล้องเหมือนเดิมคู่กับไฟแฟลช LED
ด้านข้าง ซัมซุงเลือกใช้เฟรมโลหะอัลลอย ซึ่งมีความแข็งแกร่งและเรียบเนียนกับขอบจอที่โค้งรับกันพอดิบพอดีด้วยเทคโนโลยี 3D เทอร์โมฟอร์มมิ่งด้วยความร้อน โดยด้านขวามือจะมีการติดตั้งปุ่มเปิดปิดเครื่องที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้รองรับแรงกดได้ดีขึ้น (เพราะเป็นปุ่มที่ผู้ใช้ต้องกดบ่อยครั้ง)
ด้านซ้าย จะเป็นที่อยู่ของปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง
ด้านบน เป็นที่อยู่ของไมโครโฟนตัวที่ 2 และช่องใส่ซิมการ์ด Nano Sim / MicroSD โดยคาดว่ารุ่นที่จะวางขายในประเทศไทยจากข้อมูลในหน้าเว็บหลักของซัมซุง น่าจะรองรับ Dual (Nano) Sim โดยช่องใส่ซิมสองเป็นไฮบริด ต้องเลือกใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างซิมการ์ดโทรศัพท์ Nano Sim หรือ MicroSD รองรับความจุสูงสุด 200GB
**รุ่นที่ทีมงานนำมาทดสอบเป็นเครื่อง Sample ใส่ได้ซิมเดียว
ด้านล่าง เริ่มจากซ้ายมือเป็นช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ตรงกลางเป็นพอร์ต Micro USB ด้านขวาเป็นที่อยู่ของไมโครโฟนหลักและช่องลำโพง
สเปก-ฟีเจอร์เด่น
สำหรับ Galaxy S7/S7 edge จะมีความเร็วด้านการประมวลผลมากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 30% โดยโมเดลที่ขายในประเทศไทยจะใช้หน่วยประมวลผล 64 บิตใหม่จากซัมซุง Exynos 8890 Octa-Core แบ่งเป็น 4 คอร์แรกความเร็วสูงสุด 2.6GHz ส่วน 4 คอร์หลังความเร็วสูงสุด 1.6GHz แรม DDR4 4GB พร้อมกราฟิก Mali-T880 รองรับชุดคำสั่งกราฟิก Vulkan APIs ในอนาคตด้วย
ด้านระบบปฏิบัติการเป็นแอนดรอยด์ 6.0.1 Marshmallow ครอบทับด้วย TouchWiz edge UX
วิดีโอเดโมทดสอบ Vulkan API เมื่อรันบน Galaxy S7
ในส่วนแบตเตอรี ซัมซุงปรับใหม่ตามเสียงบ่นของผู้ใช้ S6/S6 edge ที่ให้ความจุแบตเตอรีมาน้อยเกินไป (S6 – 2,550mAh, S6 edge – 2,600mAh) ใน Galaxy S7/S7 edge ซัมซุงเลยจัดเต็มใส่แบตเตอรีมาเอาใจผู้ใช้ถึง 3,000mAh สำหรับ Galaxy S7 และ 3,600mAh สำหรับ Galaxy S7 edge พร้อมรองรับระบบชาร์จไฟเร็ว (Fast charging) 9V 1.67A รวมถึงรองรับแรงดันไฟมาตรฐาน 5V 2.0A ด้วย
แต่ทั้งนี้เพื่อป้องกันความร้อนที่เกิดขึ้นมากเกินไป ระหว่างชาร์จไฟ แนะนำให้ปิดระบบชาร์จเร็วผ่านเมนู Settings > Battery > จากนั้นเลื่อนปิด Fast cable charging
สำหรับเวลาชาร์จไฟแบบเร็วจาก 0-100% ใช้เวลา 90 นาที Galaxy S7 edge ใช้เวลา 100 นาที นอกจากนั้นตัวสมาร์ทโฟนยังรองรับระบบชาร์จไร้สาย Wireless charging (Qi/PMA)
ด้านหน่วยเก็บข้อมูลภายในยังคงใช้ UFS 2.0 ที่ความจุเริ่มต้น 32GB และ 64GB โดยรุ่น 32GB ที่ทีมงานได้รับมาทดสอบเหลือพื้นที่ให้ใช้งานจริงประมาณ 24GB เพราะถูก OS กินพื้นที่ไปเกือบ 8GB เลยทีเดียว
ในส่วนเซ็นเซอร์ตรวจจับต่างๆ มีมาให้ทั้ง Accelerometer, Gyroscope, Proximity, Digital Compass, Barometer และ SpO2
สุดท้ายด้านการรองรับเครือข่ายต่างๆ Galaxy S7 สามารถใช้งาน 2G/3G/4G (คาดว่ารองรับความเร็วสูงสุดถึง cat 12) ได้ครอบคลุมทุกคลื่นความถี่ที่มีในประเทศไทย รวมถึงรองรับ VoLTE Call (ปัจจุบัน DTAC เปิดให้ใช้บริการแล้ว) และ Carrier Aggregation ในส่วน WiFi รองรับมาตรฐาน 802.11 a/b/g/n/ac with MIMO, บลูทูธเวอร์ชัน 4.2, มี NFC, GPS รองรับ A-GPS, GLONASS, BDS และรองรับระบบรักษาความปลอดภัย Samsung KNOX ด้วย
กล้องถ่ายภาพใหม่พร้อม Dual Pixel
เป็นจุดขายหลักของ Galaxy S7/S7 edge เพราะซัมซุงเลือกอัปเกรดเซ็นเซอร์รับภาพใหม่จาก Sony IMX240 ใน Galaxy S6/S6 edge เป็น Sony IMX260 (ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.5”) พร้อมลดความละเอียดภาพลงจาก 16 ล้านพิกเซล ให้เหลือเพียง 12 ล้านพิกเซล (อัตราส่วนภาพ 4:3) เนื่องจากเซ็นเซอร์รับภาพตัวใหม่มีพิกเซลขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 1.4 ไมครอน
นอกจากนั้นในส่วนเลนส์กล้องยังปรับรูรับแสงให้กว้างขึ้นเป็น f1.7 (ทั้งกล้องหน้าและหลัง) พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว Smart OIS โดยเมื่อระบบทั้งหมดทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพใหม่ ทำให้ Galaxy S7/S7 edge รับแสงได้มากกว่ารุ่นเดิมถึง 95% รวมถึงการถ่ายภาพในที่แสงน้อยสามารถทำได้ง่ายขึ้นแม้จะถือถ่ายด้วยมือภาพก็ยังนิ่ง
มาถึงฮาร์ดแวร์ที่เด็ดสุดครั้งแรกบนเซ็นเซอร์รับภาพในสมาร์ทโฟน กับการนำเทคโนโลยีออโต้โฟกัส Dual Pixel (2 Photodiode in 1 Pixel) ที่โดดเด่นในเรื่องออโต้โฟกัสในที่แสงน้อยที่รวดเร็วและแม่นยำจากกล้องดีเอสแอลอาร์ Canon EOS 70D มาปรับใช้บนเซ็นเซอร์รับภาพด้วย
วิดีโอแสดงการทำงานของระบบออโต้โฟกัส Dual Pixel ในที่แสงปกติ มืดและที่แสงน้อย เปรียบเทียบระหว่าง Samsung Galaxy S7 edge กับ Canon EOS 70D
*สำหรับการทดสอบทั้งสองนี้จุดประสงค์เพื่อให้เห็นการทำงานของ Dual Pixel เมื่อถูกนำมาติดตั้งบนสมาร์ทโฟนแล้วจะเป็นอย่างไร (เปรียบเทียบกับกล้อง DSLR ที่มีเทคโนโลยีเดียวกันน่าจะเห็นความชัดเจนดีที่สุด) โดยทีมงานไม่ได้ต้องการเปรียบเทียบเชิงประสิทธิภาพเปรียบเทียบกันโดยตรง เพราะอย่างแรกต้องเข้าใจว่าโครงสร้างเลนส์และส่วนรับภาพทั้งหมดของ DLSR และสมาร์ทโฟนแตกต่างกัน อย่างที่สองความสามารถของเลนส์ที่ใช้ มอเตอร์ภายในเลนส์ DSLR มีความซับซ้อนแตกต่างจากสมาร์ทโฟน เพราะฉะนั้นการทดสอบนี้ไม่ได้มุ่งชี้ไปในเชิงเปรียบเทียบประสิทธิภาพของกล้องทั้งสองตัวเป็นหลัก
ออกแบบมาให้กันน้ำและฝุ่น พร้อมระบบระบายความร้อนออกแบบใหม่
Galaxy S7/S7 edge ได้รับการออกแบบมาให้ป้องกันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP 68 สามารถกันน้ำลึก 1.5 เมตร นานสูงสุด 30 นาที โดยในส่วนพอร์ตต่างๆไม่ต้องมีจุกยางปิดกันน้ำเข้า เพราะมีการเคลือบสารชนิดพิเศษไว้
นอกจากนั้นที่พอร์ต MicroUSB ยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับความชื้นติดตั้งไว้ด้วย ถ้าพอร์ตเปียกน้ำแล้วผู้ใช้นำสาย USB เสียบชาร์จไฟ ระบบจะตัดไฟทันที
ภาพประกอบ : จากอินเตอร์เน็ต
มาถึงระบบระบายความร้อนภายใน ซัมซุงเลือกติดตั้งฮีทไปป์ทองแดงขนาด 0.4 มิลลิเมตรทับส่วนหน่วยประมวลผลทั้งหมดเพื่อการกระจายและระบายความร้อนได้ดีขึ้น (ป้องกันปัญหาซีพียูร้อนเกินเหตุเหมือนที่ Qualcomm เคยเจอและซัมซุงต้องการให้ S7/S7 edge สามารถใช้งานด้านเกม วิดีโอ 4K และการถ่ายภาพได้ต่อเนื่องยาวนานขึ้น ลดปัญหาโอเวอร์ฮีตลง) โดยภายในท่อฮีทไปป์ตอนนี้เป็นที่ถกเถียงกันมากว่าซัมซุงเลือกใช้สารเคมี, เจล, น้ำหรือส่วนประกอบใดในการช่วยลดความร้อน เพราะข้อมูลที่ได้รับมาแต่ละแหล่งไม่ตรงกันเลย
Always on Display (AOD)
ด้วยความสามารถของจอ Super AMOLED กับการบริโภคพลังงานต่ำเมื่อหน้าจอแสดงสีดำ ถูกนำมาพัฒนาต่อยอดเป็นฟีเจอร์ Always on Display ที่หน้าจอสามารถแสดงข้อมูลวันที่ เวลา ตารางนัดหมาย แจ้งเตือนและอื่นๆ บนพื้นหลังสีดำได้ตลอดเวลา (หน้าจอติดตลอด) โดยฟีเจอร์นี้จะมีผลกระทบต่อการบริโภคพลังงานเพียงแค่วันละ 1% เท่านั้น อีกทั้งเมื่อเรานำสมาร์ทโฟนใส่กระเป๋ากางเกงหรือคว่ำหน้าโทรศัพท์ลง หน้าจอ AOD จะดับอัตโนมัติและสามารถติดขึ้นอีกครั้งเมื่อผู้ใช้นำสมาร์ทโฟนออกจากกระเป๋ากางเกงหรือคว่ำหน้าโทรศัพท์ขึ้น
นอกจากนั้นหน้าจอโค้ง edge screen ยังมาพร้อมความสามารถเดิมจาก Galaxy S6 edge ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น Edge Lighting เมื่อคว่ำหน้าเครื่องลงและมีสายโทรเข้ามา ขอบจอจะมีแถบสีวิ่งไปมาแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ทราบ หรือแม้แต่เมื่อหน้าจอปิดอยู่ ผู้ใช้สามารถถูที่ขอบจอด้านใดด้านหนึ่งเพื่อเรียกแจ้งเตือนและข้อมูลต่างๆขึ้นมารับชมได้
ยูสเซอร์อินเตอร์เฟสและซอฟต์แวร์เด่น
Samsung Galaxy S7/S7 edge ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 6.0.1 Marshmallow พร้อม TouchWiz edge UX ที่มีหน้าตาไม่แตกต่างจาก S6/S6 edge ที่ได้รับอัปเดตเป็นแอนดรอยด์ 6.0 มากนัก
ดังนั้นทีมงานจึงขอยกตัวอย่างเฉพาะสิ่งที่น่าสนใจกับ edge UX เริ่มจากการยุบ People edge (เรียกใช้งานโดยนำนิ้วสไลด์จากขอบจอด้านขวาเข้ามา) ให้ไปเป็นส่วนหนึ่งของ Edge Screen เพื่อการใช้งานได้หลากหลายขึ้น เช่น เพิ่มหน้า Apps edge/Task edge ที่สามารถนำแอปฯหรือคำสั่งที่ใช้งานบ่อยๆมาใส่ไว้ ช่วยให้การเรียกแอปฯทำได้รวดเร็วขึ้น เป็นต้น
โดยในส่วนของ Edge Screen ผู้ใช้สามารถจัดการเปิดปิดได้อย่างอิสระ รวมถึงสามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้จากสโตร์ของซัมซุง
Game Launcher – น่าจะมีเฉพาะ Galaxy S7/S7 edge โดยส่วนนี้ทำหน้าที่เหมือนห้องเล่นเกม ซึ่งเกมทั้งหมดที่เราดาวน์โหลดจาก Play Store จะถูกจัดเก็บมารวมกันไว้ใน Game Launcher ทั้งหมด พร้อมระบบจัดการพลังงานสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ (เพื่อคนที่อยากเล่นเกมแต่ต้องการประหยัดแบตเตอรีไว้ใช้งานต่อ) ด้วยโหมด “Save power during game”
ที่สามารถเลือกได้ 2 โหมดได้แก่
Save power – ระบบจะปรับคุณภาพกราฟิกต่ำสุดให้ พร้อมจำกัดเฟรมเรตเกมให้ต่ำสุดไม่เกิน 30 เฟรมต่อวินาที
Save maximum power – ปรับคุณภาพกราฟิกให้ต่ำกว่าเดิม พร้อมจำกัดเฟรมเรต 30 เฟรมต่อวินาที
และเมื่อผู้ใช้กดเข้าเล่นเกมจะมีปุ่ม Game Tools ปรากฏขึ้นที่หน้าจอ โดยเมื่อกดที่ปุ่ม +… จะมีเมนูให้เลือกใช้งานดังต่อไปนี้
No alerts during game – ปิดแจ้งเตือน โดยระหว่างเล่นเกมถ้ามีสายโทรเข้ามา จะมีแถบแจ้งเตือนขนาดเล็กปรากฏขึ้นแต่โทรศัพท์จะไม่สั่น (ตามรูปประกอบด้านบน)
Lock Recents and Back keys – ล็อกไม่ให้ปุ่ม Recents และปุ่มย้อนกลับทำงาน ป้องกันมือไปโดนแล้วเกมเด้งออกอย่างไม่ตั้งใจ
Minimize game – ย่อหน้าเกมลงเหลือเป็นบอลลูนกลมๆ
Screenshot – จับภาพหน้าจอ
Record – เปิดกล้องหน้า เพื่อบันทึกวิดีโอในลักษณะเกมแคสเตอร์ เพื่อทำรีวิวเกมหรือทำคลิปวิดีโอแนะนำการเล่นเกม เป็นต้น โดยเมื่อเปิด
ในส่วนแอปฯและลูกเล่นอื่นๆมีดังต่อไปนี้
Capture more – ยังคงมีให้เลือกใช้ สามารถจับภาพหน้าเว็บไซต์ยาวๆอย่าง manager.co.th ได้ครบทุกส่วน
ซื้อเครื่องแล้วอย่าลืมล็อกอิน OneDrive จะได้พื้นที่คลาวด์สตอเรจฟรี 100GB
Gestures และคีย์บอร์ด
Browser ที่มากับ TouchWiz จะมาพร้อมโหมดส่วนตัว Secret ที่สามารถตั้งรหัสผ่านเพื่อป้องกันคนเปิดดูได้
Multitask แบ่งสองหน้าจอทำงานและ Pop-up view gesture ยังคงมีให้ใช้งานเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือความลื่นไหลที่มากขึ้น
Galaxy S7/S7 edge รองรับระบบ MirrorLink ผ่ายสาย USB ร่วมกับเครื่องเสียงในรถยนต์รุ่นที่รองรับด้วย
ระบบย้ายข้อมูลจากสมาร์ทโฟนตัวเก่ารูปแบบใหม่ผ่านสาย USB รองรับทั้งแอนดรอยด์ iOS และ BlackBerry 7OS หรือรุ่นที่ต่ำกว่า และมี Easy Mode ขยายไอคอนหน้าโฮมสกรีนให้ใหญ่และใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน เหมาะแก่ผู้สูงอายุและเด็กๆ
Gallery มาพร้อมซอฟต์แวร์ตกแต่งภาพแบบเบื้องต้น เช่น ปรับค่าแสง สี ใส่เอ็ฟเฟ็กต์หรือเลือกซ้อนรูปได้
เครื่องบันทึกเสียง ยังคงเอกลักษณ์ของซัมซุงคือ สามารถเลือกโหมด Interview ใช้ไมโครโฟนทั้ง 2 ตัวรับเสียงสัมภาษณ์ได้ทั้งฝั่งผู้ถามและผู้ถูกถาม รวมถึงมี Voice Memo แปลงเสียงเป็นข้อความ (แต่ยังไม่รองรับภาษาไทย)
สุดท้ายกับแอปฯอื่นที่มีให้เลือกใช้เหมือนกับ Galaxy ทุกรุ่น เช่น ธีมหลักและธีม AOD ที่สามารถเลือกดาวน์โหลดได้ฟรี, Smart Manager ที่มีให้ใช้งานมาตั้งแต่ Lollipop รวมถึง S Planner ก็ยังคงมีมาให้อย่างครบครัน
โหมดกล้องถ่ายภาพ
ในภาพรวมของซอฟต์แวร์กล้องถ่ายภาพ จะไม่แตกต่างกับ Galaxy S6/S6 edge และ S6 edge+ โหมดปรับค่ากล้องเอง (Pro Mode) ยังมีให้เลือกใช้ พร้อมรองรับการบันทึกแบบ RAW File ส่วนวิดีโอ รองรับความละเอียด 1080p ที่ความเร็วสูงสุด 60 เฟรมต่อวินาที และวิดีโอสามารถถ่ายที่ความละเอียดสูงสุด UHD 4K ได้ดีขึ้นจากซีพียูที่ปรับเพิ่มและแรมที่มากขึ้น
ส่วนฟังก์ชันและฟีเจอร์กล้องเพิ่มเติมจากรุ่นก่อนหน้า เริ่มจาก Motion Photo ที่มีหลักการทำงานแบบเดียวกับ Live Photo บนไอโฟน กล่าวคือระหว่างกดชัตเตอร์ ระบบจะแอบบันทึกวิดีโอขนาดสั้นไว้และเมื่อเรากดดูภาพนิ่งนั้น เราสามารถกดปุ่ม Motion Photo เพื่อรับชมบรรยากาศก่อนกดชัตเตอร์ได้
Motion Panorama – ถ้าการถ่ายภาพพาโนรามาให้อารมณ์ที่จืดชืดเกินไป ลองกดเปิดโหมดถ่ายภาพนี้ดูจะทำให้ภาพพาโนรามาของเรามีชีวิตเคลื่อนไหวได้ระหว่างเลื่อนชมพรีวิวรูป
Selfie Flash – แบบเดียวกับ Retina Flash บนไอโฟน โดยเมื่อผู้ใช้เปิดไฟแฟลชระหว่างใช้กล้องหน้า เมื่อกดชัตเตอร์ หน้าจอแอลอีดี Super AMOLED จะเปล่งแสงสีขาวผสมโทนเหลือง (True Tone) ยิงใส่หน้าของเราแทนไฟแฟลชแบบ LED
นอกจากนั้นใน Selfie mode ยังมาพร้อม Beauty mode ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถแต่งหน้าเด้ง ใส ยืดคาง ไปถึงการทำตากลมโตและใส่ Spotlight เพื่อช่วยไฮไลท์ส่วนของใบหน้าที่คุณต้องการได้อย่างอิสระ เอาใจสาวๆอย่างมาก และสุดท้ายโหมดเก่าแก่ยอดนิยมในการถ่าย Groufie (เซลฟีเป็นหมู่คณะ) ด้วยโหมด Wide selfie 120 องศา ก็มีให้เลือกใช้ใน Galaxy S7/S7 edge เช่นเดิม
สุดท้ายโหมด Hyperlapse จะคล้ายกับวิดีโอเร่งเวลา Timelapse เพียงแต่ไฮเปอร์จะเน้นการเดินถือถ่ายต่อเนื่อง (แต่ก็สามารถตั้งกล้องนิ่งๆถ่ายแบบ Timelapse ได้)
ทดสอบประสิทธิภาพ
*สำหรับ Galaxy S7 edge รุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบจะเป็นตัว Sample รวมถึงแอปฯทดสอบส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก Galaxy S7 ทำให้ผลคะแนนที่ได้อาจไม่ตรงกับรุ่นที่วางจำหน่ายจริง
AnTuTu Benchmark – 114,963 คะแนน
PC Mark – 4,778 คะแนน
3D Mark มีปัญหาเรื่องการแสดงผลกราฟิกที่ผิดเพี้ยนทำให้คะแนนได้น้อยกว่าปกติ – ชุดทดสอบ Sling Shot ES 3.1 ทำคะแนนได้ 1,901 คะแนน Sling Shot ES 3.0 ทำคะแนนได้ 2,249 คะแนน Ice Storm Unlimited ทำคะแนนได้ 28,228 คะแนน
Geekbench 3.0 – ทำคะแนนชุดทดสอบ Single-Core 2,107 คะแนน Multi-Core ทำคะแนน 6,438 คะแนน
Quadrant Standard – ทำคะแนนได้ 56,102 คะแนน
Vellamo – ทำคะแนนชุดทดสอบ Multicore ได้ 3,402 คะแนน Metal 3,468 คะแนน และ Chrome Browser 7,329 คะแนน
PassMark PerformanceTest Mobile – ทำคะแนนในส่วน System ได้ 5,475 คะแนน CPU Tests 168,795 คะแนน Disk Tests 29,863 คะแนน Memory Tests 3,322 คะแนน 2D Graphics Tests 3,658 คะแนน และ 3D Graphics Tests 1,684 คะแนน
มาถึงการทดสอบแบตเตอรีที่สร้างความประทับใจให้กับทีมงานอย่างมาก เพราะใน S7 edge ซัมซุงให้แบตเตอรีมามากถึง 3,600mAh มากกว่ารุ่น S6 edge ถึง 1,000mAh แน่นอนว่าระยะเวลาทดสอบต้องเพิ่มขึ้นจากเดิมทำได้แค่ 7 ชั่วโมง 47 นาที 40 วินาที กระโดดไปเป็น 12 ชั่วโมง 10 นาที 40 วินาที คิดเป็นเวลาใช้งานปกติ ทั่วไปสามารถแตะเวลาระดับ 14-20 ชั่วโมงได้แน่นอน (นี่แหละคู่ฟัดอย่างเป็นทางการของ iPhone 6s Plus)
สรุปผลในส่วนการทดสอบประสิทธิภาพ – สิ่งหนึ่งที่ทีมงานสัมผัสได้จาก Galaxy S7 edge ก็คือเรื่องความลงตัวและสมบูรณ์เหมือนนำ S6/S6 edge รวมถึง S6 edge+ มามัดรวมแล้วปรับปรุงซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์บางส่วนใหม่เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของระบบอย่างที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะแบตเตอรีที่ทำเวลาใช้งานได้ดีกว่าทั้ง S6 edge และ Note 5 ได้น่าประทับใจ รวมถึงเรื่องแรมที่ทีมงานเคยบ่นไปตอน S6 edge ว่าหมดเร็ว (จาก 3GB เหลือ 400MB ได้เพียงแค่เปิดปิดแอปฯไปมา) ใน S7 edge ด้วยแรมที่เพิ่มมากขึ้น และ UI ที่ปรับใหม่ ปัญหาเหล่านี้จึงถูกแก้ไขแล้ว
ส่วนเรื่องสเปกที่ปรับใหม่ ทีมงานมองว่าเป็นไปตามสมัยและดูเหมือนซัมซุงตั้งใจพัฒนาหลายฟังก์ชันขึ้นมาเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้ไฮเอนด์สมาร์ทโฟนของตนเพื่อใช้ต่อกรกับคู่แข่งโดยตรง ตั้งแต่ฟีเจอร์กล้อง ไปถึงชุดคำสั่ง Vulkan APIs ที่ไม่ต่างจากคู่แข่ง ทีมงานจึงมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในด้านนวัตกรรมแต่อย่างใด
ทดสอบกล้องถ่ายภาพ
ภาพจากกล้องหลัง S7 edge
ขนาดไฟล์ JPEG เฉลี่ยประมาณ 4-8MB ต่อ 1 ไฟล์ภาพ ส่วน RAW DNG อยู่ที่ประมาณ 24MB ต่อ 1 ไฟล์
มาถึงเรื่องกล้องถ่ายภาพประกบ Dual Pixel ส่วนนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดและถือเป็นก้าวเปลี่ยนโลกการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนไปอีกขั้น Galaxy S7/S7 edge มีกล้องที่ดีมาก และถือเป็นสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ที่มีกล้องถ่ายภาพลุยได้ทุกสภาพแสง โหมด Pro สามารถรีดเค้นประสิทธิภาพของกล้องหลังได้อย่างดี ไม่เชื่อลองไปชมตัวอย่างภาพถ่ายบางส่วน
3 ภาพนี้ผ่านการตกแต่งจากแอปฯ VSCO
6 ภาพนี้เป็นไฟล์ดิบจากกล้อง ไม่ผ่านการตกแต่งใดๆ โดยเฉพาะภาพสุดท้าย ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติและถือถ่ายด้วยมือเปล่า
จากภาพตัวอย่างทั้งหมดพอจะเป็นเสียงยืนยันว่า ซัมซุงพัฒนากล้อง Galaxy S7/S7 edge ได้ดีกว่าเดิมแบบหน้ามือเป็นหลังมือ โดยเฉพาะการจับโฟกัสในที่แสงน้อย การเกลี่ยนอยซ์ ปรับสมดุลแสงและสีที่เปลี่ยนจากรุ่นก่อนไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก
ความพิเศษของกล้องหลัง f1.7 ประกบเซ็นเซอร์รับภาพใหม่นี้ ทำให้คุณสามารถถือ S7/S7 edge ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ หรือแม้แต่การนำไปแคนดิดสไตล์ Life/Street Photo ด้วยออโต้โฟกัสที่เร็วและแม่นยำจาก Dual Pixel คุณสามารถเดินกดถ่ายๆโดยไม่ต้องเล็งหน้าจอเลย ก็สามารถทำได้
ส่วนใครที่กังวลว่า f1.7 เวลาถ่ายกลางแดดจัดจะเกิดภาพฟุ้งหรือไม่ เพราะรูรับแสงถูกฟิกซ์มาให้กว้างกว่าปกติ คำถามนี้ทีมงานพยายามหาคำตอบตลอดสองอาทิตย์ด้วยการลุยถ่ายกลางแดดจัดหลายครั้ง พบว่าไม่เกิดอาการภาพฟุ้งให้เห็น ภาพที่ได้คมชัด ISO ถูกปรับต่ำลงมาที่ 50
มาถึงสาวๆที่ชอบเชลฟี โดยเฉพาะในที่แสงน้อย Selfie Flash กับหน้าจอ Super AMOLED ให้แสงแฟลชที่สวยและสว่างกว่าไอโฟน 6s/6s Plus อย่างมาก
สรุป
สำหรับราคาค่าตัว Galaxy S7 เริ่มต้น 32GB ที่ 23,900 บาท ส่วน Galaxy S7 edge เริ่มต้น 32GB ที่ 26,900 บาท มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีดำ (Black Onyx), สีทอง (Gold Platinum) สีเงิน (Silver Titanium) และสีขาว (White Pearl) เริ่มขาย 18 มีนาคม
ในภาพรวมทั้งหมด การมาของ Galaxy S7/S7 edge เหมือนมาเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไปจาก Galaxy S6/S6 edge ให้สมบูรณ์และน่าจะถูกใจผู้ใช้มากยิ่งขึ้น หลายสิ่งที่ผู้ใช้รุ่นก่อนหน้าติติงไว้ ซัมซุงพยายามปรับแก้แล้วใน S7/S7 edge ยกตัวอย่างเช่น แบตเตอรีที่เพิ่มขึ้นหรือแม้แต่การมาของช่องใส่การ์ด MicroSD ที่ซัมซุงยอมกลืนน้ำลายตัวเองติดตั้งมาในรุ่นนี้จนทำให้ภาพรวมของ S7 ไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆที่ผู้ใช้สามารถจับต้องได้เพียงแรกเห็นเกิดขึ้นยกเว้นกล้องถ่ายภาพที่ถูกปรับให้ดีขึ้นพร้อมแบตเตอรีที่ใช้งานได้นานขึ้นเท่านั้น ต่างจากตอนเปิดตัว S6/S6 edge ที่ซัมซุงตั้งใจเปลี่ยนโฉมทุกอย่างใหม่จนทำให้หลายคนตัดสินใจเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก แต่สำหรับ Galaxy S7/S7 edge คุณอาจต้องใช้เวลาสัมผัสและทดลองใช้งาน สักครู่ถึงจะสามารถตัดสินใจได้