ปีก่อนซัมซุงสร้างชื่อเสียงให้กับสมาร์ททีวีกลุ่มพรีเมียมด้วยการเปิดตัว SUHD 4K Curved TV ที่มาพร้อม Nano Crystal Color และหน้าจอโค้งไปแล้ว ในปี 2016 นี้ ก็ถึงเวลาที่ซัมซุงจะต่อยอดความสำเร็จอีกครั้งกับสมาร์ททีวีในกลุ่มพรีเมียมตัวใหม่ล่าสุดของตระกูลหมายเลข (Series) 9 ในชื่อรุ่น “4K Curved TV KS9000” โดยรุ่นที่ทีมงานไซเบอร์บิซจะมารีวิวในวันนี้มีขนาดหน้าจอ 65 นิ้ว
การออกแบบและสเปก
KS9000 เป็นสมาร์ททีวีกลุ่มพรีเมียมตัวใหม่ของปี 2016 ซึ่งในครั้งนี้ซัมซุงจะเน้นพัฒนาพาเนลจอภาพและการแสดงสีสันให้มีไดนามิกเรนจ์ที่ดีและเป็นธรรมชาติมากขึ้น เพื่อตอบรับกับคอนเทนต์ 4K และ 4K HDR ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยในส่วนการออกแบบ เริ่มจากตัวเครื่อง ทุกส่วนได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ตั้งแต่ขอบจอที่บางลง หน้าจอที่ดำสนิทและให้มิติภาพมากขึ้น
นอกจากนั้นทางซัมซุงยังเพิ่มความปราณีตในการออกแบบด้านหลังตัวเครื่องและขาตั้งให้มีความเรียบร้อย หรูหราและลงตัวกว่าเดิม โดยเฉพาะความแข็งแรงของขาตั้งที่เรียกได้ว่า “แข็งแรงและมั่นคงมาก”
มาถึงส่วนของลำโพงซัมซุงออกแบบใหม่เป็น 4.1CH (Down Firing + Front Firing) พร้อมวูฟเฟอร์ขับเสียงเบส สามารถให้มิติเสียงแบบรอบทิศทางและเสียงเบสที่แน่นกว่าเดิม
ด้านขนาดตัวเครื่อง (รวมฐานตั้งแบบ Y Stand) ของหน้าจอ 65 นิ้ว จะมีความกว้างอยู่ที่ 1,443.4 มิลลิเมตร สูง 928.7 มิลลิเมตร หนา (รวมฐาน) 404.6 มิลลิเมตร น้ำหนักอยู่ที่ 28.8 กิโลกรัม ส่วนการบริโภคพลังงานสูงสุดอยู่ที่ 240 วัตต์
ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อ เนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ ทางซัมซุงจึงให้กล่อง Input Box มา ซึ่งผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อสายสัญญาณต่างๆได้จากส่วนนี้ เริ่มจาก HDMI 4 ช่อง (มี 1 ช่องสามารถทำ HDMI ARC ได้) USB2.0 3 ช่อง แบ่งเป็นที่กล่อง Input Box 2 ช่อง และด้านหลังทีวีอีก 1 ช่อง, Component In (Y/Pb/Pr) 1 ช่อง, Composite In (AV) 1 ช่อง, Digital Audio Out (Optical) 1 ช่อง และพอร์ตแลน Ethernet หลังทีวี 1 ช่อง
กลับมาดูสเปกจอภาพกันบ้าง KS9000 (Series 9) จัดอยู่ในกลุ่ม SUHD TV 4K (3,840×2,160 พิกเซล – 8 ล้านพิกเซล) พร้อมหน้าจอเทคโนโลยี Quantum dot ที่นอกจากจะสามารถแสดงสีสันได้มากกว่าทีวีรุ่นเก่าของซัมซุงถึง 64 เท่าแล้วยังรองรับการแสดงผลสีแบบ 10 บิตสำหรับการเล่นคอนเทนต์ HDR โดยเฉพาะอีกด้วย
นอกจากนั้นพาเนลจอยังถูกออกแบบใหม่เป็นแบบ Ultra Black พร้อมเทคโนโลยีควบคุม LED backlight แบบอัจฉริยะในชื่อ Supreme UHD Dimming ซึ่งเมื่อนำมาประกบกับเทคโนโลยี Peak Illuminator Pro และ Auto Depth Enhancer ทำให้ภาพมีมิติเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสีดำที่ให้มิติความลึกได้หลายระดับ
และนอกจากนั้น KS9000 ยังรองรับเทคโนโลยี SUHD Remastering ที่ช่วยอัปสเกลคอนเทนต์ความละเอียด SD/HD/Full HD (480p, 720p, 1080p) ให้สามารถแสดงผลบนหน้าจอ SUHD 4K ได้คมชัดพร้อมสีสันที่อิ่มตัวขึ้น
สุดท้ายส่วนสเปก KS9000 รุ่นปี 2016 ซัมซุงยังคงเลือกใช้หน่วยประมวลผลแบบ Quad-core ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Tizen รุ่นปี 2016 ตัวเครื่องมาพร้อม WiFi, บลูทูธสำหรับเชื่อมต่อกับลำโพง คีย์บอร์ดหรือคอนโทรลเลอร์ควบคุมเกม พร้อมภาครับสัญญาณทีวีดิจิตอล DVB-T2 รองรับ EPG, DLNA/Mirroring Mobile to TV ผ่านระบบไร้สาย รวมถึงรองรับ Single remote จากซัมซุงและตัวทีวีรองรับการถอดรหัสเสียง Dolby Digital และ DTS แบบ Multi Channel ได้ในตัว
ในส่วนพอร์ต USB 2.0 รองรับระบบ Connect Share สามารถเล่นไฟล์วิดีโอหรือภาพยนตร์ 4K, HDR รูปภาพและเพลงผ่าน USB External HDD ได้สมบูรณ์แบบ
ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์เด่น
ทีมงานขอเริ่มจากส่วนระบบปฏิบัติการ Tizen กันก่อนเพราะซัมซุงปรับแต่งได้อย่างน่าสนใจตั้งแต่เปิดทีวี ระบบจะตรวจหาสัญญาณภาพจากช่องเชื่อมต่อ HDMI หรือเสาอากาศ Digital TV อัตโนมัติและเปลี่ยนช่องสัญญาณให้ทันทีเมื่อตรวจพบ จากนั้นเมื่อผู้ใช้กดปุ่ม HOME หน้า Smart Hub หรือเมนูหลักและหน้าต่างแอปฯจะถูกเรียกขึ้นมาที่บริเวณขอบจอด้านล่าง โดยที่ไม่บดบังส่วนคอนเทนต์ที่กำลังเล่นอยู่ ผู้ใช้สามารถกดซ้ายหรือขวาที่รีโมทเพื่อเรียกใช้งานแอปฯต่างๆได้แบบไร้รอยต่อทันที
อีกจุดเด่นที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ ส่วนของ Quick Settings และ Source ที่ซัมซุงทำสำรวจมาแล้วว่าเป็น 2 ฟังก์ชันที่คนเลือกใช้บ่อยที่สุด เพราะฉะนั้นในระบบปฏิบัติการใหม่ ซัมซุงจึงจัดวางส่วนตั้งค่าทั้ง 2 นี้ให้เรียกใช้งานง่ายขึ้น โดยเฉพาะส่วน Quick Settings ที่ดึงเอาเฉพาะฟังก์ชันที่ผู้ใช้มักเลือกปรับแต่งบ่อยสุดมาจัดตำแหน่งไว้ให้เลือกเปิดปิดหรือปรับเปลี่ยนได้ด้วยการกดปุ่มที่รีโมทเพียงไม่กี่ปุ่มเท่านั้น
ส่วนถ้าต้องการปรับตั้งค่าทีวีแบบละเอียด ผู้ใช้ก็สามารถเลือกไปที่ปุ่ม “เพิ่มเติม” จาก Quick Settings เพื่อเข้าไปสู่หน้าปรับตั้งค่าทีวี
โดยในหน้าตั้งค่าหลักมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
1.HDR+ จะช่วยบูตรายละเอียดของภาพส่วนมืด สำหรับคอนเทนต์ HDR ให้เพิ่มมากขึ้น
2.Auto Motion Plus (Motion Rate 240) สำหรับคนที่ชอบรับชมภาพแบบลื่นไหล เมื่อเปิดโหมดนี้ระบบจะจัดการเลือกอัตรารีเฟรชให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ
3.Game Mode ระบบจะจัดการปรับเฟรมเรตของทีวีให้เหมาะสมกับเกมที่กำลังเล่นเพื่อความลื่นไหล
นอกจากนั้นตัวทีวียังรองรับการเชื่อมต่อลำโพงหรือหูฟังผ่านสัญญาณบลูทูธได้ด้วย
Single Remote เป็นสมาร์ทรีโมทที่นอกจากควบคุมทีวีของซัมซุงได้แล้ ตัวรีโมทเองยังทำหน้าที่เป็น Universal Remote สามารถควบคุมอุปกรณ์มัลติมีเดียที่ต่อพ่วงกับทีวีได้ในรีโมทตัวเดียว ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเล่นบลูเรย์ กล่องรับสัญญาณดาวเทียม โฮมเธียร์เตอร์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต่อพ่วงกับทีวีและมีรีโมทสามารถตั้งให้ทำงานร่วมกับ Single Remote ได้
สำหรับ Single Remote จะทำงานร่วมกับ Smart Hub รุ่นใหม่ปี 2016 โดยหลังจากตั้งค่ารีโมทเรียบร้อยแล้ว อุปกรณ์ต่อพ่วงจะปรากฏอยู่ในหน้า Smart Hub ยกตัวอย่างตามภาพประกอบ เป็นกล่องรับสัญญาณดาวเทียมทรูวิชั่น Single Remote สามารถสั่งงานแทนรีโมททรูวิชั่นได้ทุกฟังก์ชันใชังาน ไม่ว่าจะเป็น เปลี่ยนช่อง ตั้งช่องโปรด เข้าเมนูตั้งค่ากล่องดาวเทียม ไปถึงสามารถตั้งบันทึกรายการร่วมกับฟีเจอร์ HD PVR ของทรูวิชั่นได้ด้วย
นอกจากนั้น Single Remote ยังรองรับระบบสั่งงานด้วยเสียง (ภาษาอังกฤษ) โดยผู้ใช้สามารถกดปุ่มไมโครโฟนค้างไว้และพูดสั่งงานทีวีได้ เช่น “Volume up” ทีวีจะเร่งเสียงให้ เป็นต้น
Samsung SmartView เป็นอีกหนึ่งความสามารถที่ซัมซุงอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถควบคุมทีวีผ่านแอปฯบนสมาร์ทดีไวซ์ (รองรับ Windows Phone, Android, iOS) แทนรีโมทได้ โดยข้อดีของ SmartView นอกจากการควบคุมทีวีผ่าน WiFi เหมือนรีโมทตัวที่สองแล้ว เวลาที่เราต้องการพิมพ์ข้อความบนหน้าจอทีวีทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ผู้ใช้สามารถพิมพ์จากในแอปฯ SmartView ด้วยคีย์บอร์ดปกติของสมาร์ทโฟนได้ด้วย (สะดวกสบายกว่าใช้รีโมททีวีมาก)
อีกทั้งตัวแอปฯยังรองรับการเชื่อมต่อ DLNA/WiFi Direct ในวงแลนเดียวกัน โดยผู้ใช้สามารถแชร์ไฟล์ภาพหรือวิดีโอจากสมาร์ทดีไวซ์ไปยัง KS9000 แบบไร้รอยได้ทันที
และที่เด็ดสุดสำหรับผู้ใช้ Samsung Galaxy Device สามารถทำ Screen Mirroring จากสมาร์ทดีไวซ์ซัมซุงผ่านระบบไร้สายได้ทันที (ต้องเชื่อมต่อ WiFi ในวงแลนเดียวกัน) โดยผู้ใช้สามารถเลือกแชร์คอนเทนต์ ภาพ เสียง วิดีโอหรือควบคุมทีวีผ่าน IR บนสมาร์ทโฟนที่รองรับได้ด้วย
HDR 1000 การเปลี่ยนหน้าจอมาใช้ Quantum dot สำหรับ KS9000 ทำให้ทีวีสนับสนุนการเล่นคอนเทนต์ HDR (High Dynamic Range) ซึ่งทำให้การแสดงผลภาพที่มีความต่างของคอนทราสต์ส่วนมืดและสว่างถูกปรับให้สมดุลกันและทำให้เรามองเห็นรายละเอียดของฉากทั้งหมดได้ชัดเจนขึ้น
สำหรับสเปก HDR ของ KS9000 จะรองรับคอนเทนต์ HDR แบบ 10-bit และที่เด็ดกว่านั้นเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะซัมซุงก็คือเทคโนโลยี HDR 1000 ที่ทีวีสามารถแสดงพื้นที่สว่างได้สูงถึง 1,000 nit ทำให้ HDR จากซัมซุงมีความสว่างสดใสรวมถึงพื้นที่สีดำจะให้รายละเอียดและมิติที่ดีมากขึ้น
TV Plus เป็นฟีเจอร์ใหม่ถอดด้ามบนสมาร์ททีวีที่ซัมซุงที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดย TV Plus เปรียบเสมือน Digital TV Streaming ผ่านอินเตอร์เน็ตเพื่อช่วยให้คอนเทนต์ในส่วนโทรทัศน์มีความหลากหลายมากขึ้น โดยปัจจุบัน TV Plus จะมีช่องเกาหลีจากเครือ CJ E&M เช่น รายการเพลง K-POP ให้เลือกชม ส่วนในอนาคตซัมซุงมีแผนจับมือกับผู้ผลิตรายการของแต่ละประเทศเพื่อทำ Exclusive Content โดยเฉพาะด้วย
YouTube 4K ถึงแม้จะทำงานบน Tizen แต่ซัมซุงก็ได้ใส่แอปฯ YouTube ไว้ให้พร้อมจุดเด่นคือ เป็น YouTube ที่รองรับการเล่นวิดีโอ 4K อีกทั้งยังรองรับระบบ Pair กับแอปฯ YouTube บนสมาร์ทดีไวซ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย
Samsung Smart TV Showtime สำหรับคนที่ชอบใช้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งเช่น Hollywood HDTV, DOONEE, Mono MAXXX สามารถล็อกอินบัญชีผู้ใช้และใช้ชมภาพยนตร์ได้ทันที
Tunein Radio ส่วนผู้ใช้ที่ชอบฟังเพลง ซัมซุงได้ติดตั้งแอปฯ Tunein สำหรับฟังวิทยุออนไลน์มาให้ หรือถ้าอยากฟังเพลงแบบเหมาจ่ายรายเดือน Deezer ก็พร้อมใช้งานกับสมาร์ททีวี Tizen ของซัมซุงเช่นกัน
Web Browser มาถึงจุดขายเด่นอีกหนึ่งจุดก็คือความสามารถในการเข้าเว็บบราวเซอร์ ที่ใน KS9000 สามารถทำงานได้สมบูรณ์ไม่ต่างจากการเข้าชมจากคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะการแสดงผลภาษาไทยรวมถึงการพิมพ์ข้อความ ล็อกอินอีเมล์ เข้าโซเชียลต่างๆสามารถทำได้สมบูรณ์แบบมาก
โดยในส่วน Web Browser ผู้เขียนแนะนำให้ใช้งานร่วมกับ Samsung SmartView เพราะจะช่วยให้การเลื่อนเคอร์เซอร์เมาส์และพิมพ์ข้อความรวมถึง URL ทำได้สะดวกกว่าใช้งานผ่านรีโมทอย่างมาก
4K Video on USB ต้องชื่นชมระบบปฏิบัติการ Tizen รุ่นใหม่จากซัมซุงที่เปิดให้พอร์ต USB ที่ติดมากับตัวทีวีสามารถเล่นไฟล์วิดีโอ 4K ที่เข้ารหัส H.265 HEVC และ 4K HDR ได้ลื่นไหลมาก อีกทั้งยังสามารถเปิดซับไตเติลภาษาไทยพร้อมแสดงผลได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงยังสามารถถอดรหัสเสียง Dolby Digital, DTS ได้ไม่ต่างจากอุปกรณ์มีเดียเพลเยอร์เลย
Apps and Games สุดท้ายสำหรับส่วนของแอปฯและเกม ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้จากสโตร์ที่ติดตั้งมาในเครื่อง โดยในครั้งนี้ซัมซุงปรับให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องล็อกอินบัญชีใดๆก็สามารถดาวน์โหลดแอปฯและเกมมาติดตั้งได้ทันที (มีเนื้อที่ให้ใช้ประมาณ 2.73GB)
ทดสอบประสิทธิภาพและสรุป
ตั้งแต่ซัมซุงผลิตสมาร์ททีวีกลุ่ม SUHD (4K Curved TV) ที่มาพร้อม Tizen ตั้งแต่เมื่อปีก่อน เราจะเห็นพัฒนาการของสมาร์ททีวีกลุ่มนี้อยู่ตลอดเวลา จนมาถึงปี 2016 SUHD ในรหัส KS9000 ก็เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยยูสเซอร์อินเตอร์เฟสที่ซัมซุงเลือกออกแบบใหม่บนแนวคิด “เน้นความเรียบง่าย สามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้และทุกฟีเจอร์ต้องใช้งานได้จริง” ซึ่งแน่นอนเมื่อทีมงานทดลองใช้งานเป็นเวลาร่วมหนึ่งอาทิตย์ ต้องยอมรับว่าจุดขายเรื่องยูสเซอร์อินเตอร์เฟส การปรับตั้งค่า และที่สำคัญรองรับภาษาไทยสมบูรณ์ทุกหน้าเมนู ถือเป็นสิ่งที่ชอบมากที่สุดตั้งแต่เคยทดสอบสมาร์ททีวีซัมซุงมา
ส่วนด้านการแสดงผลภาพกับหน้าจอ Quantum dot ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนสุดก็คือความกว้างของสีและไดนามิกเรนจ์ที่เพิ่มมากขึ้น HDR สามารถแสดงผลบนจอ Quantum dot ได้ยอดเยี่ยม ส่วนเรื่องการควบคุม LED Backlight ซัมซุงมีการปรับปรุงเรื่องการยิงแสงให้แม่นยำมากขึ้น ทำให้ฉากหรือขอบภาพที่เป็นสีดำจะดำสนิทกว่าเดิม ผนวกกับการออกแบบขอบจอแบบใหม่ทำให้ภาพที่แสดงบนหน้าจอเต็มตาและดูมีมิติมากขึ้น
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ต้องกล่าวถึงเป็นพิเศษ ก็คือ ลำโพงในตัว 4.1CH ให้เสียงที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งภายในยังมาพร้อมชิปประมวลผลเสียงรองรับการถอดรหัส Multi Channel 5.1 (Dolby Digital/DTS) เหมือนมีชุดโฮมเธียร์เตอร์ขนาดย่อมในตัว แน่นอนว่าถึงแม้ตัวลำโพงจะติดตั้งแบบยิงลงพื้น 1 คู่และยิงขึ้นเพดานบ้าน 1 คู่ แต่ก็สามารถสร้างมิติเสียงรอบทิศทางได้ดี โดยเฉพาะตัววูฟเฟอร์ขับเบสที่ให้เสียงออกโทนนุ่มนวลสมราคาเรือนแสน
สุดท้ายสำหรับ Samsung SUHD 4K Curved TV KS9000 ถือเป็นสมาร์ททีวีรุ่นใหม่บนแนวคิดใหม่ที่ช่วยให้ตัวทีวีมีความลงตัว เมนูใช้งานเรียบร้อยเป็นหมวดหมู่ ใครก็สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคู่มือ แถมการออกแบบยูสเซอร์อินเตอร์เฟสก็ทำได้ฉลาดหลักแหลมและคล่องตัวดีจริงๆ
