การมาของ Tab S2 ถือเป็นแท็บเล็ตรุ่นที่ต่อยอดจาก Tab S รุ่นที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับค่อนข้างดี จากการที่วางโพสิชันเป็นแท็บเล็ตในระดับพรีเมียมของทางซัมซุง ชูจุดเด่นในเรื่องของหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูง รวมถึงประสิทธิภาพตัวเครื่องที่อยู่ในระดับไฮเอนด์
จุดเด่นหลักของ Tab S2 ที่นำมารีวิวในครั้งนี้ก็คือจอแสดงผล SuperAMOLED ระดับ 2K ตัวเครื่องมากับหน่วยประมวลผลแบบ 64 บิต Octa Core Exynos 5433 ให้ RAM มาสูงถึง 3 GB กับการเชื่อมต่อที่ครบครันทั้ง 4G และ WiFi ที่สำคัญคือความบางเครื่องที่ 5.6 มิลลิเมตร
โดยจริงๆแล้ว Tab S2 วางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นคือ รุ่นหน้าจอขนาด 8 นิ้ว และรุ่นหน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว โดยมีความต่างอยู่เพียงที่ขนาดหน้าจอ น้ำหนัก 272 กรัม กับ 389 และแบตเตอรีจาก 4,000 mAh เป็น 5,870 mAh ในราคา 15,900 บาท และ 18,900 บาท ตามลำดับ
การออกแบบและสเปก
ถ้ามองแล้ว Galaxy Tab S2 8” จะถูกออกแบบมาคล้ายๆกับ Galaxy Note 4 ที่เน้นวัสดุอลูมิเนียมรอบตัวเครื่อง และฝาหลังเป็นพลาสติกเพื่อให้น้ำหนักเบา มีขนาดรอบตัวเครื่องอยู่ที่ 198.6 x 134.8 x 5.6 มิลลิเมตร น้ำหนัก 272 กรัม วางจำหน่ายด้วยกัน 2 สีคือ สีขาว และสีทอง
ด้านหน้า – ที่เด่นที่สุดคือหน้าจอ SuperAMOLED ขนาด 8 นิ้ว ความละเอียด QXGA (2048 x 1536 พิกเซล) โดยจะมีช่องลำโพงสนทนาอยู่ส่วนบน พร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 2.1 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้า และวัดแสง
ล่างหน้าจอเป็นปุ่มกดเรียกดูแอปที่ใช้งานล่าสุด (กดค้างเพื่อเข้าสู่โหมดมัลติสกรีน) ปุ่มโฮม (มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ) และปุ่มย้อนกลับ
ด้านหลัง – อย่างที่บอกไปว่าวัสดุส่วนหลังจะใช้เป็นพลาสติกเพื่อให้มีน้ำหนักเบา โดยจะมีกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยอยู่ กับจุดสำหรับยึดกับเคสเฉพาะของ Tab S2 เพื่อให้สะดวกในการใช้งาน ภายใน Tab S2 8” จะมากับแบตเตอรีขนาด 4,000 mAh ไม่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรีได้
ด้านซ้าย – จะถูกปล่อยว่างไว้ เพื่อให้เป็นฐานในการตั้งเครื่องกรณีที่ใช้งานคู่กับเคส ด้านขวา – จะมีทั้งปุ่มปรับระดับเสียง ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง ช่องถาดใส่นาโนซิมการ์ด และไมโครเอสดีการ์ด ที่ต้องใช้เข็มจิ้มถาดออกมา
ด้านบน – ถูกปล่อยว่างไว้เช่นเดียวกัน ด้านล่าง – มีพอร์ตไมโครยูเอสบี ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และช่องลำโพงภายนอก
สำหรับสเปกภายในของ Tab S2 8” มากับหน่วยประมวลผล Exynos 5433 Octa-core 1.9 GHz (QuadCore 1.9GHz กับ 1.3GHz) RAM 3 GB พื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง 32 GB สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้สูงสุด 128 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอดย์ 5.0
ด้านการเชื่อมต่อรองรับทั้ง 3G และ 4G ทุกคลื่นที่ใช้งานในประเทศไทย ไวไฟ มาตรฐาน 802.11 b/g/n/ac บลูทูธ 4.1 GPS สามารถใช้สายต่อ MHL เพื่อเชื่อมกับจอทีวีได้ แต่ไม่มี NFC
ฟีเจอร์เด่น
ด้วยการที่ชูจุดเด่นเป็นแท็บเล็ตระดับพรีเมียม ทำให้ Tab S2 ถูกเน้นไปที่การใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งการใช้ทำงาน รวมถึงเพื่อสร้างความบันเทิง โดยอินเตอร์เฟสการใช้งานจะเป็นรูปแบบของซัมซุงคือ TouchWiz เพียงแต่ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ทำให้มีขนาดไอค่อนใหญ่ขึ้นตามมาด้วย
หน้าจอหลักผู้ใช้สามารถเลือกนำวิตเจ็ตที่ต้องการ หรือไอค่อนลัดเรียกใช้งานแอปมาวางไว้ได้ตามต้องการ ส่วนแถบการแจ้งเตือน จะมีไอค่อนลัดสำหรับการตั้งค่าด่วนมาให้ แน่นอนว่าสามารถปรับที่ใช้งานบ่อยๆมาไว้ได้เช่นเดียวกัน รวมกับแถบปรับความสว่างหน้าจอ และ S Finder และ Quick Connect ที่ให้มา
แอปพลิเคชันที่ให้มาในตัวเครื่องจะเป็นแอปพื้นฐานทั่วๆไป รวมกับบริการของกูเกิล เพียงแต่จะมีใน่สวนของซัมซุงพิเศษเพิ่มขึ้นมาอย่างตัว SideSync Galaxy Gift Galaxy Apps ที่ถือเป็นโปรแกรมเฉพาะของผู้ใช้งานสินค้าในตระกูล Galaxy
ด้วยการที่เป็นแท็บเล็ตหน้าจอใหญ่ จึงมาพร้อมกับความสามารถในการใช้งานอย่าง Multi Screen กล่าวคือผู้ใช้สามารถกดปุ่ม Recent Apps ค้างเพื่อแบ่งครึ่งหน้าจอในการเปิดใข้งาน 2 แอปพลิเคชันที่รองรับพร้อมๆกัน โดยผู้ใช้สามารถปรับขนาดได้ตามความต้องการ และเลือกใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
การใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ถือว่าทำได้ลื่นไหล สมกับเป็นแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูง การเปิดหน้าเว็บทำได้รวดเร็วดี ใช้งานสะดวกทั้งแนวตั้งและนอนนอน โดยในการสลับหน้าต่างการใช้งานสามารถใช้ปุ่ม Recent Apps ควบคู่ไปได้ทันที
โหมดการถ่ายภาพ เป็นการนำอินเตอร์เฟสแบบเดียวกับในสมาร์ทโฟนมาใส่ไว้ใน Tab S2 ดังนั้น ถ้าเป็นผู้ที่คุ้นเคยในการใช้งานซัมซุงอยู่แล้ว ก็สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องแน่นอน ด้วยความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ทำให้รองรับการถ่ายภาพแบบความละเอียดสูงระดับ QHD ได้ด้วย
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเข้าไปดาวน์โหลดโหมดการถ่ายภาพเพิ่มเติม จากที่มากับตัวเครื่องได้จากสโตร์ของทางซัมซุง นอกเหนือไปจากที่มีมาให้อย่างโหมดอัตโนมัติ โหมดโปร โหมดพาโนราม่า ถ่ายภาพชดเชยแสง ถ่ายกล้องหน้ากล้องหลักพร้อมกันเป็นต้น
ด้านการใช้งานมัลติมีเดีย ทั้งดูหนัง ฟังเพลง ทำออกมาโดยรวมได้ค่อนข้างดี เพราะจากหน้าจอที่ละเอียดทำให้สามารถแสดงผลได้ชัดเจน เช่นเดียวกับเรื่องของเสียงที่ให้เสียงดังชัดเจน ดังนั้นในแง่ของมัลติมีเดียถือว่าสอบผ่าน
การใช้งานโทรศัพท์ในรุ่นจอ 8 นิ้ว จะสามารถยกแท็บเล็ตขึ้นมาคุยแนบหู หรือใช้งานผ่านลำโพง และหูฟังบลูทูธได้ แต่ในรุ่น 9.7 นิ้ว จะไม่สามารถยกคุยแบบแนบหูได้ หน้าจอการใช้งานโทรศัพท์ในส่วนของการกดเลขหมายจะเป็นแบบเต็มจอ แต่เมื่อเข้าสู่หน้าสนทนาจะเด้งออกมาเป็นป็อปอัปแยกให้ควบคุมแทน
ส่วนของคีย์บอร์ดเป็นไปตามมาตรฐานของซัมซุง ผู้ใช้สามารถสลับเปลี่ยนภาษาได้ด้วยการสไลด์บริเวณแถบสเปซบาร์ หรือกดปุ่มลูกโลกแทนก็ได้ แน่นอนว่ารองรับการใช้งานทั้งแนวตั้ง และแนวนอน โดยในการพิมพ์ภาษาอังกฤษจะเป็นแบบ 4 แถว ทำให้สามารถป้อนตัวเลขได้ทันทีด้วย
Smart Manager ถือเป็นแอปที่ซัมซุงใส่เพิ่มเข้ามาเพื่อช่วยบริหารจัดการแบตเตอรี หน่วยความจำ RAM และเรื่องของความปลอดภัย โดยช่วยให้ผู้ใช้สามารถเคลียแรมเพื่อให้ตัวเครื่องตอบสนองการใช้งานได้เร็วขึ้น
ในส่วนของการตั้งค่าแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆเช่นเดิมคือ การเชื่อมต่อ การตั้งค่าตัวเครื่อง การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว และระบบ โดยมีสิ่งที่น่าสนใจอย่างฟังก์ชันการสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกเครื่อง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลในการใช้งาน รวมถึงระบบอัจฉริยะต่างๆ อย่างการโทรออกทันทีที่นำเครื่องแนบหู คว่ำเครื่องเพื่อปิดเสียง
ทดสอบประสิทธิภาพ
มาถึงส่วนของผลการทดสอบ ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Quadrant Standart และ Antutu ได้คะแนน 27,741 คะแนน และ 45,331 คะแนน ตามลำดับ หน้าจอรองรับการสัมผัส 10 จุดพร้อมกัน
ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo จากเว็บเบราว์เซอร์ได้ 4,694 คะแนน โครมเบราว์เซอร์ 3,620 คะแนน Android WebView 3,582 คะแนนๅ ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ (Meta) 1,893 คะแนน Multicore 2,187 คะแนน คะแนน Geek Bench 3 Single-Core 1,214 Multi-Core 4,094 คะแนน
ระยะเวลาการใช้งานบนแบตเตอรีต่อเนื่องอยู่ที่ 6 ชั่วโมง 36 นาที 10 วินาที คิดเป็นคะแนนของ Geekbench 3 ได้ 3,945 คะแนน
ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark ในส่วนของ Work Performance ได้ 6,065 คะแนน 3D Mark ตัว Sling shot ได้ 449 คะแนน Ice Storm Unlimited ได้ 14,454 คะแนน ส่วน Ice Storm Extream 9,158 คะแนน และ Ice Storm คะแนนทะลุเกินไป
ส่วน Passmark PerformanceTest Mobile ได้คะแนน System 5,435 คะแนน CPU 34,157 คะแนน Disk 35,817 คะแนน Memory 3,462 คะแนน 2D Graphics 3,578 คะแนน และ 3D Graphics 1.,811 คะแนน
สรุป
ถ้ามองถึงแท็บเล็ตในระดับราคาประมาณหมื่นบาทกลางๆ รองรับการใช้งาน 4G เชื่อว่าชื่อของ Galaxy Tab S2 จะขึ้นมาเป็นชื่อแรกๆที่แนะนำ เพราะว่าด้วยความละเอียดหน้าจอ สัดส่วนจอแบบ 4:3 ความบาง และน้ำหนัก จะเหมาะกับการใช้งานเป็นแท็บเล็ตมาก เพราะเมื่อถือใช้เป็นเวลานานๆแล้วจะไม่เมื่อยมือมาก
ในแง่ของประสิทธิภาพ ถ้าไม่นับตัวกล้องที่ให้มาแค่ 8 ล้านพิกเซล ที่เหลือต้องยอมรับว่าอยู่ในระดับไฮเอนด์เลยก็ว่าได้ทั้งซีพียู RAM พื้นที่เก็บข้อมูลที่ให้มาสามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้ ทำให้สามารถใช้ทั้งทำงาน และเพื่อความบันเทิงได้สมบูรณ์แบบ
แน่นอนว่าคู่แข่งในระดับเดียวกันกับ Tab S2 คงหนีไม่พ้น iPad ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แล้วว่าอยากได้แท็บเล็ตอเนกประสงค์ที่ใช้แอนดรอยด์ หรือ iOS มากกว่ากัน เพราะถ้าถามถึงการใช้งานทั่วไปแท็บเล็ตทั้ง 2 รุ่นทำงานได้ไม่ต่างกัน