Review : MSI Summit E13 Flip Evo โน้ตบุ๊กธุรกิจ ดีไซน์พรีเมียม

10440

หลังจาก MSI นำเสนอ Summit B15/E15 ไปก่อนหน้านี้ ในกลุ่มของโน้ตบุ๊กองค์กรธุรกิจใช้งานทั่วไป ล่าสุด MSI ได้เพิ่มไลน์สินค้าให้ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจ ด้วยการแนะนำ MSI Summit E13 Flip Evo ที่เน้นความเป็นพรีเมียมและใช้งานได้อเนกประสงค์มากขึ้น

จุดเด่นของ MSI Summit E13 Flip Evo คือเป็นโน้ตบุ๊กแบบ 2-1 ที่สามารถพับหน้าจอใช้งานได้ 4 รูปแบบ รองรับการสัมผัส รวมถึงใช้งานควบคู่กับ MSI Pen ในดีไซน์ที่มีรูปแบบเฉพาะตัวจากสีดำ ตัดขอบสีทอง มาพร้อมกับ Windows 10 Pro ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงให้ใช้งาน

สเปกภายในมีให้เลือกทั้งรุ่นที่มากับ 11th Gen Intel Core i5 1135G7 และ Core i7 1185G7 RAM 16/32 GB SSD 512/1 TB ผ่านมาตรฐาน Intel EVO เรียบร้อย วางจำหน่ายในราคา 46,990 – 51,990 บาท

ข้อดี

  • โน้ตบุ๊กองค์กรระดับพรีเมียม ดีไซน์มีเอกลักษณ์ของ MSI
  • ผ่านมาตรฐาน Intel EVO รองรับการอัปเกรดเป็น Windows 11 ในอนาคต
  • ใช้งานได้หลายรูปแบบ จอสัมผัส รองรับ MSI Pen
  • แบตเตอรี ใช้งานต่อเนื่องได้ตลอดวัน

ข้อสังเกต

  • ตัวเครื่องค่อนข้างร้อน เวลาประมวลผลหนักๆ
  • ผิวสัมผัสตัวเครื่องสีดำด้าน แต่เป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างง่าย
  • กล้องเว็บแคมยังเป็น 720p

ดีไซน์มีเอกลักษณ์

โน้ตบุ๊กในตระกูล Summit ของ MSI จะถูกออกแบบมาให้มีความเป็นธุรกิจสูง เน้นการใช้สีที่ดูสุขุม แฝงด้วยความกระฉับกระเฉง โดยใน Summit E13 Flip Evo ได้มีการนำสัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio 1/1.618 มาปรับใช้ในหลายๆ ส่วน

เริ่มตั้งแต่การออกแบบโลโก้ของ MSI แบบใหม่ที่ใช้สัดส่วน Golden Ration อยู่แล้ว ตามด้วยสัดส่วนหน้าจอแบบ 16:10 ที่ใกล้เคียงกับ Golden Ration มากที่สุด พร้อมกระบวนการขึ้นรูปโครงเครื่อง และขัดเงาด้วย CNC ให้ความละเอียดสูงทำให้ตัวเครื่องสมบูรณ์แบบมากที่สุด

สำหรับขนาดตัวเครื่องของ MSI Summit E13 Flip Evo จะอยู่ที่ 300.2 x 222.2 x 14.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.35 กิโลกรัม วางจำหน่ายในประเทศไทยเฉพาะสีดำ Ink Black ที่เป็นตัวเครื่องดำ ตัดกับขอบเครื่องสีทองเท่านั้น

หน้าจอเครื่องมากับขนาด 13.4 นิ้ว ความละเอียด FullHD IPS รองรับอัตราการแสดงผลที่ 60 Hz ใช้งานคู่กับ MSI Pen เพื่อจดบันทึก วาดเขียนข้อมูลต่างๆ ได้ที่ระดับความแม่นยำ 4,096 ระดับ

ที่น่าสนใจคือขอบเครื่องที่ที่ค่อนข้างบาง ส่งผลให้พื้นที่หน้าจอทั้งหมดถูกใช้งานได้อย่างน่าสนใจ ด้านบนหน้าจอจะมีทั้งกล้องเว็บแคมความละเอียด 720p มาให้ ซึ่งเป็นกล้องแบบอินฟาเรด ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ในการปลดล็อกด้วยใบหน้าได้

ถัดลงมาในส่วนของคีย์บอร์ด MSI Summit E13 Flip Evo มากับคีย์บอร์ดขนาดมาตรฐาน โดยมีระยะปุ่มกดอยู่ที่ 1.5 มิลลิเมตร มีปุ่มลัดสำหรับสั่งงานต่างๆ ให้ครบถ้วน ส่วนแทร็กแพดที่ให้มารับสัมผัสได้เป็นอย่างดี มีขนาดใหญ่เพียงพอให้ใช้งาน

พอร์ตเชื่อมต่อเพียงพอปลอดภัย

อีกความใส่ใจของ MSI ในเครื่องระดับพรีเมียมนี้ คือการใส่พอร์ตมาให้เพียงพอกับการใช้งาน และยังคงประสิทธิภาพการเชื่อมต่อมาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นทางขวาที่มีทั้งพอร์ต USB 3.2 Type-A และ USB-C อีก 2 พอร์ต ที่รองรับทั้ง USB 4.0 / Display Port / Thunderbolt 4 และใช้เสียบชาร์จได้ด้วย

ทางขวามี USB-C เพิ่มให้อีกพอร์ต พร้อมกับช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มเติม ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และปุ่มสำหรับล็อกการใช้งานเว็บแคม เพิ่มความเป็นส่วนตัวในระดับฮาร์ดแวร์ในการใช้งานกล้อง

ประกอบกับเมื่อเป็นโน้ตบุ๊กในกลุ่มองค์กรธุรกิจ MSI ได้มีการนำมาตรฐานความปลอดภัยทั้งการปกป้องข้อมูลจากการเชื่อมต่อพอร์ต USB ที่สามารถควบคุมได้จาก MSI Center ภายในมีชิปเซ็ต TPM 2.0 มาช่วยเข้ารหัสข้อมูลในระดับฮาร์ดแวร์ด้วย

นอกเหนือจากการใช้ใบหน้าปลดล็อกด้วย Windows Hello แล้ว Summit E13 Flip Evo ยังมากับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือให้ใช้งานด้วย บริเวณตัวเครื่องด้านล่างปุ่มลูกศรของคีย์บอร์ด เรียกได้ว่าให้มาครบ และปลอดภัยอย่างแน่นอน

ใช้งานได้หลายรูปแบบ

ด้วยการที่ Summit E13 Flip Evo รองรับการพับหน้าจอทำให้ผู้ใช้งานสามารถปรับรูปแบบการใช้ได้ทั้งเป็นโน้ตบุ๊กปกติ พับหน้าจอใช้งานในลักษณะของแท็บเล็ตร่วมกับ MSI Pen เพื่อใช้งานได้สะดวกแล้ว

ยังสามารถกางโน้ตบุ๊กในลักษณะของ Tent เพื่อใช้ในการรับชมคอนเทนต์ ข้อมูลต่างๆ ได้ หรืออีกรูปแบบคือการวางในลักษณะของการพรีเซ็นต์งานให้ลูกค้า ทำให้ Summit E13 Flip Evo รองรับการใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกัน

สเปก และทดสอบประสิทธิภาพ

ในส่วนของสเปกภายใน MSI Summit E13 Flip Evo วางจำหน่ายด้วยกัน 2 สเปก โดยมีจุดที่แตกต่างกันคือเรื่องของซีพียู RAM และ SSD โดยรุ่นเริ่มต้น จะมากับ 11th Gen Intel Core i5 1135G7 RAM 16 GB SSD 512 GB ส่วนรุ่น Core i7 1185G7 จะให้ RAM 32 GB SSD 1 TB มาใช้งาน และสามารถอัปเกรด SSD ได้สูงสุด 2 TB

ส่วนรุ่นที่ได้รับมาทดสอบนั้น จะมีความแตกต่างจากรุ่นที่วางจำหน่ายอยู่พอสมควร ดังนั้นผลทดสอบที่เกิดขึ้นในบทความนี้ จึงมีโอกาสแตกต่างจากรุ่นที่วางจำหน่าย ซึ่งมีให้เลือก 2 สเปกตามข้อมูลด้านบน

ที่เหลือคือมาพร้อมกับกราฟิกออนบอร์ด Intel IrisXe รองรับการเชื่อมต่อทั้งบลูทูธ 5.2 WiFi 6E ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อ โดยเฉพาะในช่วงที่การทำงานเกิดขึ้นได้จากทุกสถานที่ และมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro รองรับการอัปเกรดเป็น Windows 11 ในอนาคต

ด้านแบตเตอรีมากับขนาดใหญ่ถึง 70Whr โดยทาง MSI ทดสอบสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ราว 20 ชั่วโมง ในกรณีที่ใช้งานทั่วไป ทีมงานทดสอบใช้ทำงานโดยมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ใช้งานได้ต่อเนื่องเกือบ 12 ชั่วโมง

กรณีที่ประมวลผลหนักๆ อย่างการเรนเดอร์ไฟล์วิดีโอ เล่นเกมความละเอียดสูงๆ ใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง เรียกได้ว่านอกจากประสิทธิภาพสูงแล้ว แบตเตอรีที่ให้มาก็เพียงพอกับการใช้งานด้วย และยังมากับระบบชาร์จเร็วจากอะเดปเตอร์ 65W ที่ให้มาด้วย

สรุป

MSI Summit E13 Flip Evo ถือว่าเป็นโน้ตบุ๊กสำหรับองค์กรธุรกิจที่น่าสนใจ เพราะรองรับการทำงานหลากหลายรูปแบบ รวมถึงใช้งานร่วมกับ MSI Pen ในการจดบันทึก หรือคอมเมนต์งาน ช่วยให้ผู้บริหารใช้งานโน้ตบุ๊กได้สะดวกมากขึ้น

ในแง่ของความปลอดภัยนอกจาก TPM 2.0 และตัวเครื่องที่รองรับ Windows Hello ปลดล็อกด้วยใบหน้า และลายนิ้วมือแล้ว ยังมีปุ่มล็อกกล้องเว็บแคมมาให้ใช้งานเพิ่มเติมด้วย ปลอดภัยในทุกๆ ส่วน และ MSI ยังมีการรับประกัน 2 ปี มาให้ด้วย

Gallery

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น